รวบแล้วคนร้ายปล้นร้านทองหนัก 86 บาท กลางห้างดังอยุธยา

รวบแล้วคนร้ายปล้นร้านทองหนัก 86 บาท กลางห้างดังอยุธยา

จากกรณี 2 คนร้าย ใช้อาวุธปืนปล้นขู่บังคับพนักงานร้านทองเยาวราชเอเชีย ตั้งอยู่ภายในห้างโลตัส สาขาโรจนะ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ชิงทองน้ำหนักรวม 86 บาท จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 พฤษภาคม

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนภาค 1 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน เร่งสืบสวน ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี จนพบว่าหลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หายเข้าไปภายในพื้นที่ทิ้งเศษวัสดุและขยะ ติดกับถนนโรจนะ ห่างจากห้างสรรพสินค้าประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นขับรถกระบะ ลักษณะตู้ทึบ คาดว่าจะบรรทุกรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ หลบหนีไปด้วย โดยหลบหนีมุ่งหน้าถนนสายเอเชีย ขาขึ้น เลี้ยวเข้า อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 20 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจภาค 1 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน ได้แกะรอยเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี รวบรวมหลักฐานต่างๆ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ใช้เวลา 3 วัน

Advertisement

จนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมทั้งได้ติดตามเฝ้าดูพฤติกรรม รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับ และติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน คือนายคมสันต์ ขาวสุวรรณ อายุ 38 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ชายชุดดำที่ใช้อาวุธปืนเข้าไปก่อเหตุ นายนพมาศ แหยมชอบใจ อายุ 45 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ชายที่สวมใส่เสื้อไรเดอร์ ทำหน้าที่ขับขี่รถจักรายานยนต์ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกับรับของโจร และร่วมกันมีอาวุธปืนและร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมทั้ง มีผู้ให้การสนับสนุนในการก่อเหตุ ในการหลบหนี

นอกจากนี้ ยังได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ คือ นายพงษ์ชัยวัฒน์ สุวรรณเทศ อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ขับรถกระบะตู้ทึบ จอดคอยพาผู้ต้องหา หลังก่อเหตุได้ยกรถจักรยานยนต์ขึ้นรถกระบะตู้ทึบแล้วหลบหนี ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกับรับของโจร และร่วมกันมีอาวุธปืนและร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมทั้ง มีผู้ให้การสนับสนุน ในการก่อเหตุ ในการหลบหนี

และ น.ส.พรทิพย์ ศิริยามัน อายุ 33 ปี น.ส.ธัญญารัตน์ ปรีเปรม อายุ 26 ปี ถูกตั้งข้อหาร่วมกันรับของโจร

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา และติดตามของกลางทองรูปพรรณ ยานพาหนะ ที่ใช้ในการก่อเหตุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image