ภูเก็ต ชี้ข่าวลือนทท.ติดฝีดาษลิง ‘ไม่เป็นความจริง’ ตรวจสอบพบเป็นโรคเริม

ภูเก็ต ชี้ข่าวลือนทท.ติดฝีดาษลิง ‘ไม่เป็นความจริง’ ตรวจสอบพบเป็นโรคเริม

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน แพทย์หญิงเหมือนแพร บุญล้อม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า
จังหวัดภูเก็ตดำเนินการเฝ้าระวัง โรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง โดยจะใช้ประวัติผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเป็นหลักที่มีการระบาด ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากโซนยุโรป มีการตรวจคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานที่กรุงเทพฯ โดยมีการปรับการทำงานจากโควิด ในการตรวจและมีความพร้อมซึ่งโรคนี้โอกาสติดมีน้อยกว่าโควิด

กรณีข่าวลือพบโรคฝีดาษลิงจากนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ไม่เป็นความจริง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายดังกล่าวตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นโรคเริม เป็นโรคผิวหนังเฉพาะที่ ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัส ไม่เข้าใกล้ผู้ป่วย และผู้ที่ไม่สบายต้องระวังการติดต่อกับผู้อื่นด้วย จะต้องทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส

ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานร มีการระบาดในประเทศอังกฤษ แคนาดา โปรตุเกส สเปน แถบยุโรป และออสเตรเลีย เดิมเป็นเชื้อในแอฟริกาใต้ และติดในระยะแรกด้วยการไปสัมผัสสัตว์ป่วยและมีการติดจากคนสู่คน โดยมีละอองฝอยขนาดใหญ่คล้ายโควิดช่วงแรกคือต้องสวมหน้ากากระหว่างกัน เว้นระยะห่าง 2 เมตร และการสัมผัสจะมีการติดระยะผื่นขึ้นคล้ายอีสุกอีใส จะต้องไม่สัมผัสกัน ยังไม่มีผู้ป่วยในประเทศไทย” แพทย์หญิง เหมือนแพร กล่าว

แพทย์หญิงเหมือนแพร กล่าวต่อไปว่า ในส่วนโรคโควิด-19 ที่จะมีการปรับโควิดให้เป็นโรคประจำถิ่น เนื่องจากโรคมีความรุนแรงลดลง และมีภูมิต้านทานมากขึ้น ขอให้ประชาชนเตรียมตัวเองให้พร้อมหากต้องถอดหน้ากาก ใกล้ชิดกัน ขอให้ป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล คือ รักษาระยะห่าง ล้างมือ และฉีดวัคซีนรวมทั้งเข็มกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรง กลุ่ม 608 กลุ่มที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังหรือภูมิต้านทานต่ำ กลุ่มเด็กที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน เพื่อให้มีภูมิต้านทานถ้าเกิดติดจะมีอาการไม่รุนแรง ไม่ลงปอด ไม่เสียชีวิต

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image