น้ำมันแพง กระทบ ‘รถรับ-ส่งน.ร.’ โอดขาดทุนแต่ต้องไปต่อเพื่ออนาคตชาติ ปรับตัวห่อข้าวรอ (คลิป)

น้ำมันแพง กระทบตรง อาชีพรถรับ-ส่งนักเรียน ขาดทุน แต่ไม่กล้าขึ้นราคา เห็นใจผู้ปกครองแบกภาระเพิ่ม หลายรายปรับตัวห่อข้าวมากินเอง งดตีรถกลับไปรอที่บ้าน แบ่งเบาภาระค่าน้ำมัน โอดแทบไม่มีรายได้

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นายสวัสดิ์ รายพิมาย อายุ 70 ปี ชาวตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียนในพื้นที่อำเภอพิมาย เปิดเผยว่า มีอาชีพขับรถรับส่งนักเรียนในหมู่บ้าน โดยจะตระเวนรับนักเรียนที่หน้าบ้านแล้วนำไปส่งถึงโรงเรียนที่อยู่ในตัวอำเภอพิมาย พร้อมกลับไปรับกลับมาส่งถึงบ้านช่วงเลิกเรียน จะคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายวันไป-กลับ คนละ 50 บาท มีนักเรียนขึ้นประจำเพียงแค่ 8 คน เป็นเงินที่ได้จากค่าโดยสารวันละ 400 บาท แต่เมื่อหักค่าน้ำมันออกไป 200 บาท จะเหลือเพียงวันละ 200 บาทเท่านั้น ยิ่งปัจจุบัน น้ำมันปรับราคาสูงขึ้นไม่หยุด ทำให้ต้องเติมน้ำมันวันละ 250 บาท จึงเหลือเงินค่าโดยสารเพียงวันละ 150 บาท ไม่คุ้มกับการประกอบการขับรถส่งนักเรียน

แต่จำเป็นต้องทนแบกรับปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะสงสารเด็กนักเรียน หากจะขึ้นค่าโดยสารอีก ก็จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง เพราะทุกวันนี้แต่ละครอบครัวก็ได้รับความเดือดร้อนมากอยู่แล้ว ตนจึงอยากวอนให้ภาครัฐเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงในขณะนี้โดยเร็ว หากปล่อยให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไปกว่านี้อีก จะส่งผลกระทบหนักกับประชาชนทุกๆ อาชีพ

เช่นเดียวกับที่ จ.บึงกาฬ ผู้ประกอบการรถตู้รับ-ส่งนักเรียน ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ รวมตัวกันมาจอดรถไว้บริเวณลานอเนกประสงค์ ที่ว่างเปล่าภายในสถานที่ราชการ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ ภายหลังจากส่งนักเรียนเข้าโรงเรียนแล้ว ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาค่าโดยสารยังเก็บเท่าเดิมเพราะเกรงจะกระทบกับผู้ปกครอง และต้องปรับตัวใช้รถเท่าที่จำเป็นจอดรถรอจนกว่าโรงเรียนจะเลิก และห่อข้าวมากินเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย วอนขอตรึงราคาน้ำมันไม่เกินลิตรละ 35 บาท ขณะที่ผู้ประกอบการรถตู้รับ-ส่งนักเรียน บางรายที่มีรถหลายคันต้องประกาศขายรถออก เพราะทนค่าใช้จ่ายไม่ไหว

Advertisement

นายโกนชัย นาหอคำ อายุ 69 ปี เจ้าของรถตู้รับส่งนักเรียนในพื้นที่บ้านนาเจริญ ม.11 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ ที่นำนักเรียนในหมู่บ้านเข้ามาเรียนในเขตอำเภอเมืองที่อยู่ห่างกันกว่า 30 กิโลเมตรไปกลับต่อวัน 60 กิโลเมตร ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากน้ำมันแพงแทบจะไม่เหลือเงินส่งค่างวดรถ นักเรียนก็มีน้อยเก็บค่าขนส่งได้เดือนละไม่ถึง 15,000 บาท น้ำมันก็เพิ่มขึ้นแต่ก่อนเติมอาทิตย์ละประมาณ 1,000 บาท ตอนนี้แทบไม่พอ ต้องปรับตัวส่งนักเรียนเสร็จต้องมาจอดรถรอไม่ตีรถกลับ จนกว่านักเรียนจะเลิกไปรับกลับครั้งเดียว และต้องห่อข้าวห่อน้ำมากินเพื่อลดค่าใช้จ่าย

จริงๆแล้วก็อยากปรับขึ้นราคาค่ารับส่ง แต่ต้องไปพูดคุยกับผู้ปกครอง และผู้ประกอบการรถตู้ด้วยกันก่อน ว่าจะขึ้นได้ไหม หากปรับขึ้นเองก็เกรงผู้ปกครองหันไปใช้รถคันอื่น ซึ่งหากน้ำมันขึ้นมากกว่าก็อาจจะมีการขอปรับขึ้นราคา ทุกวันนี้เก็บรายหัวละ 900-1,200 บาท ขึ้นอยู่ตามระยะทาง อยากให้รัฐบาลช่วยตรึงราคาน้ำมันไม่เกินลิตรละ 33-35 บาท เพราะตอนนี้ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ที่อยู่ปลายทางค่าน้ำมันขึ้นมาลิตรละ 35.74 บาทแล้ว เป็นไปได้ขอไม่เกินลิตรละ 33.00 บาทกำลังพอดี

Advertisement

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image