ชาวบ้านร้อง โดนตุ๋นขายลอตเตอรี่ เสียหายกว่า 50 ล้าน วอน ตร.ภ.3 เร่งติดตามเส้นทางการเงินผู้ต้องหา
จากกรณีชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบลกุดเชียงหมี อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร จำนวนกว่า 30 ราย ถูกนางสาวอรอนงค์ น้อยหา อายุ 25 ปี หลอกขายโควต้าลอตเตอรี่ราคาถูก โดยอ้างว่า เป็นลอตเตอรี่ที่หลุดจอง รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มชาวบ้านได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เลิงนกทา จังหวัดยโสธร แล้วตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2565 ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนางสาวอรอนงค์ ผู้ต้องหา ได้ขณะหลบหนีไปอาศัยอยู่กับเพื่อนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 มิถุนายน 2565) นายสหภพ ศรีสุวะ อายุ 46 ปี ตัวแทนชาวบ้าน พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหาย กว่า 10 ราย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พลตำรวจโทสมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีพันตำรวจเอก ยรรยง จันทร์เขียว รองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 3 เป็นผู้รับหนังสือแทน เรียกร้องให้ตำรวจภูธรภาค 3 เร่งติดตามเส้นทางการเงินของนางสาวอรอนงค์ ผู้ต้องหาให้ได้ เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยให้ล่าช้าไปกว่านี้ ผู้ต้องหาอาจยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปจนหมด จนไม่สามารถยึดทรัพย์สินนำมาคืนให้กับกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายได้ โดยทางรองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับเรื่องไว้และรับปากว่า จะดำเนินการตามที่กลุ่มชาวบ้านร้องขออย่างดีที่สุด
ด้านนายสหภพ ศรีสุวะ ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหาย เปิดเผยพฤติกรรมของนางสาวอรอนงค์ ผู้ต้องหารายนี้ ว่า นางสาวอรอนงค์ได้สร้างเรื่องหลอกชาวบ้านจนหลงเชื่อ หลายรายต้องนำเงินที่กู้มาจากธนาคารไปลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับนางสาวอรอนงค์ เพื่อหวังเป็นตัวแทนรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขาย โดยนางสาวอรอนงค์ มักออกอุบายหลอกชาวบ้านว่ามีคนรู้จักเป็นยี่ปั๊วจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถหาซื้อสลากมาได้ในราคาหลุดจอง ราคาฉบับละ 78-79 บาท ซึ่งในช่วงแรก นางสาวอรอนงค์ได้หลอกเครือญาติของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มชักชวนเพื่อนบ้านให้ไปกู้เงินเพื่อมาจองซื้อสลากในราคาถูก โดยรับประกันว่า หากนำสลากไปขายจะได้กำไรอย่างงาม ซึ่งช่วงระยะแรก ชาวบ้านก็ได้สลากมาขายจริง แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นางสาวอรอนงค์ได้ออกอุบายหลอกชาวบ้านว่า มีสลากหลุดจำนวนมากกว่าทุกงวดที่ผ่านมา กลุ่มชาวบ้านจึงหลงเชื่อนำเงินไปไปซื้อสลากกับนางสาวอรอนงค์ตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท แต่สุดท้ายก็ถูกนางสาวอรอนงค์หลอกเชิดเงินหนีไป จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านอยากให้ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้สั่งการเร่งรัดดำเนินคดีนี้อย่างรัดกุม ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหารายนี้ เพื่อติดตามยึดทรัพย์สินคืนมาให้กับชาวบ้านผู้เสียหาย เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก
