‘สสจ.พะเยา’ แถลงผลสอบ หลังรพ.เชียงคำ ไม่เผาศพเด็กติดโควิด

สสจ.พะเยา แถลงผลสอบ หลังรพ.เชียงคำ ไม่เผาศพเด็กติดโควิด

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงคำ ทำการรับศพเด็กซึ่งเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ออกนอกพื้นที่ของ รพ.เพื่อจะนำไปฌาปนกิจแทนญาติ แต่กลับพบว่าไม่มีการเผา เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจจุดเชียงคำเกิดตั้งข้อสงสัย ล่าสุดวันนี้ภายในป่าสุสานวัดบุญนาค ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา นายเกรียงไกร ปุกคำ พ่อของเด็กทารกที่เสียชีวิตได้พาแฟนสาวและญาติมารอรับศพลูกที่ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจจุดเชียงคำได้นำออกจาก รพ.เชียงคำเพื่อมาฌาปนกิจในช่วงเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบสงบ ทั้งนี้ตัวพ่อของเด็กไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นพ.ศุภชัย บุญอำพันธ์ นพ.สสจ.พะเยา กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ทราบเรื่องก็ได้สั่งการให้ทาง พญ.ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ ผอ.รพ.เชียงคำ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยทาง รพ.เชียงคำได้ชี้แจงมาว่าเด็กทารกที่ตกเป็นข่าวนี้ได้เสียชีวิตจากการคลอดก่อนกำหนดซึ่งมีความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่กำเนิดและมีอาการวิกฤตรุนแรง โดยทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงคำ ได้แจ้งขั้นตอนการปฏิบัติของการจัดการศพและสอบถามความสมัครใจของบิดาเด็กผู้เสียชีวิต และได้ตกลงให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงคำ เป็นธุระจัดการประสานงานการฌาปนกิจ โดยมีค่าใช้จ่ายอีกทั้งทางโรงพยาบาลเชียงคำ มีพนักงานรักษาศพเพียง 1 คน ซึ่งจะปฏิบัติงานในเวลากลางวัน ส่วนเวลากลางคืน ได้มอบหมายให้พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นผู้ดำเนินการนำศพมาแช่ตู้เย็น เพื่อให้ญาติเตรียมเอกสารมารับศพในตอนเช้า

นพ.ศุภชัย กล่าวต่ออีกว่า เด็กได้เสียชีวิตในเวลากลางคืนของวันที่ 19 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย พร้อมบิดาของเด็กได้นำศพมาแช่ตู้เย็น ณ ห้องพักศพของโรงพยาบาลเชียงคำ ไว้ก่อน ต่อมาในวันที่ 20 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ในช่วงเช้า พนักงานรักษาความปลอดภัย ได้นำศพเด็ก ออกมาวางไว้ ในจุดที่นัดหมายกับสัปเหร่อซึ่งได้ประสานทางโทรศัพท์ให้มารับศพเด็กเพื่อไปทำการฌาปนกิจ แต่ทางพนักงานรักษาความปลอดภัย ไม่ได้ประสานงานกับพนักงานรักษาศพไว้ เนื่องจากญาติของเด็กผู้เสียชีวิต ไม่ได้รับข้อมูลจากพ่อของเด็ก เกี่ยวกับการมอบหมายให้พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นธุระในเรื่องการจัดการฌาปนกิจ ญาติจึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับศพเด็กไปดำเนินการฌาปนกิจเอง ทั้งนี้เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาติดต่อ ขอรับศพเด็ก จากพนักงานรักษาศพ ในช่วงเช้าของวันที่ 20 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 พนักงานรักษาศพ จึงแจ้งว่า ไม่มีศพเด็กในตู้เย็นแช่ศพ และเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้มาสอบถามเกี่ยวกับศพเด็กอีกครั้ง ในช่วงเย็นกับพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกับสัปเหร่อจึงได้เข้ามาดู ณ จุดที่วางศพเด็กไว้ พบว่า ศพเด็กยังอยู่ที่เดิม โดยศพเด็กถูกบรรจุอยู่ในถุงแดง 3 ชั้น ตามมาตรฐานการบรรจุศพ ทั้งนี้เนื่องจาก ทางโรงพยาบาลเชียงคำ ไม่มีถุงบรรจุศพ ชนิดมีซิปด้านหน้าสำหรับเด็กทารก ประกอบกับพนักงานรักษาความปลอดภัย ไม่สามารถติดต่อกับสัปเหร่อที่ประสานงานเกี่ยวกับการฌาปนกิจได้ จึงนำศพกลับมาแช่ในตู้เย็นดังเดิม ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลเชียงคำ ต้องขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะดำเนินการแก้ไขปัญหาพร้อมปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นต่อไป ส่วนตัวของ รปภ.ที่ตกเป็นข่าวนี้ตนได้สั่งการสอบสวนให้เสร็จและรายงานผลภายใน 3 วัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image