ระเบียงชั้น 2 ถล่มทับเพื่อนลูกสาวเจ็บติดคาซาก
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ต.ท.ณัฐพล อินทร์เรืองศร สว.สอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุระเบียงบ้านถล่ม มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ เหตุเกิดภายในหมู่บ้านชวนชื่น โมดัส เซนโทร (แจ้งวัฒนะ) ซอยแจ้งวัฒนะปากเกร็ด 41 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ไปสอบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม สูง 3 ชั้น บริเวณหน้าบ้านพบซากปรักหักพังของคานเหล็กขนาดใหญ่และแผ่นคอนกรีตกองทับ น.ส.เกรซ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ถูกแผ่นคอนกรีตทับขาขวาติดอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ช่วยเหลือนำตัวออกมาได้ ส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
นอกจากนี้ ยังพบคอนกรีตและโครงเหล็กทับคาอยู่บนรถแวน ยี่ห้อเลกซัส สีขาว ทะเบียน ฐม 1166 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย ในสภาพหลังคายุบ กระจกหน้าแตก ฝากระโปรงยุบ
จากการสอบปากคำ น.ส.ยอแสง ทรัพย์รื่นรมย์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.เกรซ ซึ่งเป็นเพื่อนของ น.ส.ทอแสง อายุ 18 ปี ลูกสาว เดินทางมาที่บ้านตั้งแต่ตอนเช้า เพื่อนัดกันออกไปทำธุระ ขณะที่ทั้งสองคนเดินออกจากบ้าน เพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่ที่มาจอดรอรับหน้าบ้าน โดย น.ส.ทอแสงเดินนำหน้าไปถึงที่รถแท็กซี่ ส่วน น.ส.เกรซเดินตามหลัง เมื่อมาถึงหน้าบ้านจู่ๆ ระเบียงชั้น 2 ที่ต่อเติมออกมาเป็นหลังคาโรงรถและที่ตากผ้าได้พังถล่มลงมาทับ
น.ส.ยอแสงกล่าวว่า ตอนนั้นอยู่ชั้น 2 ได้ยินเสียงดังมาก จึงรีบวิ่งลงมาดู เห็นเพื่อนลูกโดนปูนทับ นอนร้องอยู่ใต้ซากด้วยความตกใจ ลูกสาวของตนไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงมาจับมือให้กำลังใจเพื่อน ตนรู้สึกช็อก สงสารเพื่อนลูกที่ต้องมาเจ็บ ได้แต่บอกไปว่าให้ทำใจดีๆ เดี๋ยวกู้ภัยมาแล้ว ซึ่งระหว่างรอเพื่อนบ้านก็มาช่วยกันนำเศษปูนออก เมื่อกู้ภัยมาถึงก็รีบช่วยน้อง ไปส่งที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เบื้องต้นผลการเอกซเรย์ร่างกาย กระดูกไม่หัก ศีรษะไม่แตก และตนจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด
น.ส.ยอแสงกล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียงที่พังถล่มลงมา สร้างมาประมาณ 10 ปีแล้ว เป็นส่วนต่อเติมยื่นออกมา สามารถเดินได้ ไม่ได้วางสิ่งของอะไร แทบจะไม่ได้ใช้งาน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร วันพรุ่งนี้ทางประกันของบ้านจะเข้ามาตรวจสอบสภาพความเสียหาย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากคานเหล็กรองรับน้ำหนักแผ่นคอนกรีตไม่ไหว ทำให้พังถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม จะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
