ครม.ไฟเขียวโครงการพัฒนา-เสริมสร้างความเข้มแข็ง ศก.ฐานราก ปี’65 วงเงิน 1.9 พันล้านบาท   

ครม.ไฟเขียวโครงการพัฒนา-เสริมสร้างความเข้มแข็งศก.ฐานราก ปี’65 วงเงิน 1.9 พันล้านบาท   

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยได้อนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ครั้งที่ 3 รวม 29 จังหวัด จำนวน 1,138 โครงการ กรอบวงเงินรวม 1,973 ล้านบาท  มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพ นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ว่างงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ ประกอบด้วย กลุ่มประชาชน 1,510,685 คน, เกษตรกร 478,926 คน, กลุ่มผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 9,789 ราย และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม่น้อยกว่า 2 กลุ่ม, กลุ่มด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน 406 เส้น และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ ฝาย ท่อระบายน้ำ ผนังป้องกันตลิ่ง ไม่น้อยกว่า 791 แห่ง

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ครม. ยังได้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบโครงการพัฒนาและส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 29 จังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบโครงการและดำเนินการจัดทำแผนความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือนเพื่อให้ สบน. สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป  และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้

1.กรณีโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงหรือซ่อมแซมถนนหรือผิวทาง ให้หน่วยงานดำเนินการตรวจสอบ กำกับ ดูแลและควบคุมคุณภาพในการก่อสร้างหรือปรับปรุง รวมทั้งการวางแผนก่อสร้างควรพิจารณารายละเอียดการก่อสร้างให้มีความรอบคอบ 2.กรณีโครงการเกี่ยวกับการขุดลอก หรือพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบน้ำบาดาล ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการวางแผนการดำเนินงานอย่ารอบคอบ ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา และ 3.กรณีโครงการเกี่ยวกับการผลิตน้ำประหา ให้หน่วยรับงบประมาณและหน่วยดำเนินการ ให้ความสำคัญกับการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมาย การดำเนินโครงการ และการบำรุงรักษาภายหลังโครงการแล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามวัตถุระสงค์ตลอดอายุการใช้งาน และดูและไม่ให้มีโครงการที่ซ้ำซ้อนกับบริการของการกรประปาส่วนภูมิภาค

Advertisement

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขยายเวลาโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานหอผู้ป่วยและห้องผ่าตัด รองรับและบรรเทาภัยจากโรคติดเชื้อโควิด-19 จากเดิมสิ้นสุดโครงการเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นเดือนสิงหาคม 2565 และปรับลดกรอบวงเงินโครงการ จากเดิม 31.90 ล้านบาท เป็น 28.45 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำขยายเวลาโครงการปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร จากสิ้นสุดโครงการเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2565 รวมทั้งขยายเวลาโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกร รองรับผลผลิตทางการเกษตร ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ จากสิ้นสุดโครงการเดือนกันยายน 2564 เป็นเดือนกันยายน 2565

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการโดยเปลี่ยนแปลงการจัดหาครุภัณฑ์สำหรับสกัดสมุนไพรของโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจงหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สกลนคร จากการใช้ “กระบวนการสกัดน้ำมันจากสมุนไพร” เป็น “การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง” ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีการอุดมศึกษาฯ ได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image