ผู้ว่าฯราชบุรีตรวจสอบภายในโรงงานที่เกิดอุบัติเหตุตู้ไฟระเบิด ภายในนิคมอุตสาหกรรม อ.โพธาราม หลังบึ้มกลางดึก มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ล่าสุดดับอีก 1 สั่งปิดโรงงานไม่มีกำหนด พร้อมเร่งเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้นำตัว นายชัชวาล เพิ่มสาย หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตู้ควบคุมไฟฟ้าเตาหลอมแร่ระเบิด ภายในนิคมอุตสาหกรรม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (16 ก.ค.) ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิต 3 รายในที่เกิดเหตุ บาดเจ็บอีก 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลโพธาราม 1 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 2 ราย
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชบุรี ทราบชื่อ นายขาว สมหวัง และได้เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงสายวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้ รวม 4 ราย
โดยวันนี้ นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแรงงานจังหวัด เจ้าหน้าที่ประกันสังคม และสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายรณภพกล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้เมื่อคืนเกิดเหตุภายในนิคมอุตสาหกรรมราชบุรี ระหว่างเกิดเหตุเป็นช่วงที่โรงงานอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงหม้อแปลง และจุดที่ระเบิดเป็นลักษณะตู้ไฟ ขณะทำงานกำลังมีการซ่อมบำรุงอยู่ 7 คน ลักษณะที่เกิดเหตุนั้นเป็นลูกสะเก็ดไฟพุ่งออกมาจากตู้ไฟ ผู้ประกอบการแจ้งว่าขณะนั้นได้ตัดไฟเรียบร้อยแล้ว และมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลโพธาราม และอีก 1 ราย ถูกส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลราชบุรี ทราบว่าเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ อีก 1 ราย กลับบ้านได้ ส่วนอีก 2 ราย มีบาดแผลไฟไหม้บริเวณด้านหลัง พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลโพธาราม
นายรณภพกล่าวว่า เมื่อเช้าได้เข้าไปกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ประกันสังคม และสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน แรงงานจังหวัด พิสูจน์หลักฐาน เข้าดูที่เกิดเหตุ ส่วนการเยียวยา ผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยาตามประกันสังคมตั้งแต่กว่า 9 แสน ถึง 1 ล้านบาท ทุกคนจะได้รับสิทธิตามที่ได้ทำประกันสังคมไว้ กรณีโรงงานปิดผู้ที่ทำงานจะได้รับเงินเยียวยาจากทางบริษัท ซึ่งโรงงานแห่งนี้อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ทางการนิคมได้ส่งผู้แทนมาร่วมดูพื้นที่ พร้อมสั่งปิดการดำเนินงานชั่วคราวจนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จ หรือปลอดภัยแล้ว จึงจะเปิดดำเนินการต่อไปได้
ผู้ว่าฯราชบุรีกล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการร่วมกัน 3 ฝ่าย คือพิสูจน์หลักฐานของทางตำรวจ ส่วนของทางโรงงานต้องมาให้ข้อมูล และส่วนวิศวกรของนิคมจะเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย ต้องมั่นใจว่ามีความปลอดภัยถึงจะให้โรงงานเปิดได้ โดยจะปิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะทางพิสูจน์หลักฐานยังต้องเข้าไปตรวจสอบระบบภายใน ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
“ส่วนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น หน่วยงานได้เข้ามาดูแลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามระเบียบของโรงงานที่ปิดสถานประกอบการ พนักงานจะได้ 75 เปอร์เซ็นต์ของค่าแรง ไม่ว่าจะเป็นรายวัน หรือรายเดือน แต่ที่ทราบจากผู้จัดการโรงงานดังกล่าวบอกว่าจะจ่ายค่าแรงให้ 100 เปอร์เซ็นต์ และจะมีการประกาศให้พนักงานทราบว่าโรงงานหยุดดำเนินการชั่วคราว และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมีความมั่นใจว่าปลอดภัยจึงจะอนุญาตให้โรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการได้” ผู้ว่าฯราชบุรีระบุ
