เมื่อเวลา10.00 น. วันที่ 28 กรกฎาคม นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าท่าทุ่งนา ว่าพบซากช้างป่าเสียชีวิตอยู่กลางหุบเขา บริเวณพื้นที่ป่าบริเวณป่าช่องฟาก บ้านโป่งปัด หมู่ 1 ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่พิกัด 47P0526375E 1572325N หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.มณีภัทร์ เพ็งเกร็ด สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า นางสาวปภัสร์ลภัส แดงกูล นายก อบต.ช่องสะเดา นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา น.ส.พรประภา เสนาบุตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านโป่งปัด
เมื่อไปถึงพบช้างป่าที่เสียชีวิตเหลือแต่โครงกระดูกหุ้มด้วยผิวหนังที่เน่าเปื่อย โดยมีหนอนและแมลงอยู่เต็มซาก เบื้องต้นพบว่าช้างตัวดังกล่าวเป็นเพศผู้ มีอายุมากกว่า 30 ปี น่าจะเสียชีวิตมานานกว่า 2 เดือน จากการตรวจสอบซากพบร่องรอยการใช้ของมีคมเฉือนเปิดช่วงหน้าบริเวณกราม และทุบกรามให้แตก ซึ่งน่าจะเป็นการถอดเอางาไป แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการตายที่แท้จริงได้ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้ที่มาเอางาออกจากตัวช้างไปเป็นคนทำให้ช้างตายหรือไม่อย่างไร ต้องรอการพิสูจน์สาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่งก่อน
ซึ่งทางเขตสลักพระจะได้ประสานสัตวแพทย์ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้ามาทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจสอบส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าเกี่ยวกับการนำเอางาช้างออกไป หรือสาเหตุใดทำให้ช้างถึงแก่ความตายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้มีรถตู้ประสบเหตุชนช้างป่า และช้างตัวดังกล่าวได้เดินหนีเข้าไปในป่า ซึ่งจากการติดตามร่องรอยของเจ้าหน้าที่ในช่วงนั้นพบว่าช้างยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ จึงไม่แน่ชัดว่าช้างตัวที่เสียชีวิตนี้จะเป็นช้างตัวเดียวกันหรือไม่ อย่างไร
