เมียเดือดถูกด่าทุกวัน จนเครียดสะสม เหลืออด ลั่นไกดับผัวคาที่
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 สิงหาคม ร.ต.อ.เอกอมร สีสัน ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายภายในตลาดสี่มุมเมือง ในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู แพทย์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง ที่บริเวณหน้าร้านพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายอายุ 40 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง 2 นัด ชายโครงขวา 1 นัด อกซ้าย 1 นัด ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ ส่วน ผู้ก่อเหตุ เป็นภรรยาของผู้ตาย อายุ 40 ปี ถูกจับกุมได้ที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน จำนวน 1 กระบอกและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง
จากการสอบถาม ลูกจ้างภายในร้าน ให้การว่า รอบแรกคนก่อเหตุมายิงก่อน 1 ครั้ง ตนจึงเข้าไปห้ามว่าอย่ายิง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะยิงครั้งที่ 2 ตนเองจึงบอกว่าอย่ายิงๆ ก่อนจะยิงอีกเป็นครั้งที่ 3 ก่อนที่ตนเองจะวิ่งหนี
โดยคนตายเป็นเจ้าของร้าน ส่วนคนยิงตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน ส่วนสาเหตุตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ตนเองเป็นเพียงลูกจ้างทำงานแต่ผู้ก่อเหตุก็เดินทางมาทำงานที่ร้านปกติ โดยขณะเกิดเหตุคนตายเพิ่งใส่บาตรเสร็จเมื่อหันหน้าขึ้นร้าน ผู้ก่อเหตุก็ชักอาวุธปืนออกมายิงทันทีหลังจากคนตายล้มลง
ด้าน ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย ให้การว่า ตนเองกับผู้ตายเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันมานาน 4 ปี และไม่มีลูกด้วยกัน ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกันมาหลายครั้ง ผู้ตายเคยทำร้ายร่างกาย เคยกระชากบีบคอหลายครั้งเป็นเรื่องทั่วไป ตนเองก็ช่วยเหลือเรื่องงานมาโดยตลอด ผู้ตายด่าว่าสารพัดจนเกิดความเครียดสะสม
เมื่อวานนี้ก็มีปากเสียงกันและหนักสุดจนฝ่ายชายไล่ตนเอง ตนเองจึงออกไปอยู่ห้องพักอีกที่หนึ่งและมีการโทรศัพท์ด่าทอกันอย่างรุนแรง โดยฝ่ายชายบอกว่าแน่จริงก็มา เช้านี้ตนเองจึงเดินทางมาพร้อมด้วยอาวุธปืน และนำมาก่อเหตุยิงใส่แฟนหนุ่มจนเสียชีวิต ส่วนยิงไปกี่นัดตนเองจำไม่ได้ โดยตนเองตั้งใจจะมาฆ่าแฟนและฆ่าตัวเองตายด้วยแต่หลังจากยิงแฟนแล้วลูกน้องของแฟนได้มาแย่งปืนไว้ได้ตนเองจึงไม่ทันได้ลั่นไกใส่ตนเอง และตั้งใจว่าจะตายตามแฟนไป
ร.ต.อ.เอกอมร สีสัน รอง สว.สอบสวน สภ.คูคต ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุกั้นพื้นที่ไว้เพื่อรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 ประสานฝ่ายสืบสวนตรวจสอบวงจรปิดสอบปากคำพยานและนำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย ส่วนร่างผู้เสียชีวิตให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูส่ง รพ.ภูมิพลอดุลยเดชเพื่อรอญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
