สลดกลางงานบุญ ด.ช.วัย 9 ขวบ รื้อตู้เจอปืน อาจคิดว่าของเล่น ลั่นไกใส่ลูกพี่ลูกน้องอายุ 7 ขวบ เสียชีวิต

สลดกลางงานบุญ ด.ช.วัย 9 ขวบ รื้อตู้เจอปืน อาจคิดว่าของเล่น ลั่นไกใส่ลูกพี่ลูกน้องอายุ 7 ขวบ เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ เด็กชาย อายุ 9 ขวบ ใช้อาวุธปืนยิง เด็กหญิง อายุ 7 ขวบ เสียชีวิต ภายในบ้านพักพื้นที่หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 สิงหาคม ในวันเกิดเหตุ พ.ต.ท.ธีรวุฒิ เชื้อจักร์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนเวรได้ร้บแจ้งเหตุมีคนถูกกระสุนปืนเข้ามารักษาตัวที่ รพ.อบจ.ภูเก็ต และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ ด.ญ.แหม่ม (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ ถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณอกซ้าย 1 นัด โดยผู้ใช้อาวุธปืนยิงคือ ด.ช.บอย (นามสมมุติ) อายุ 9 ขวบ เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวคือ นางจิระพร (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ซึ่ง ด.ช.บอย และ ด.ญ.แหม่ม เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

พ.ต.อ.สราวุธกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุบ้านหลังดังกล่าวมีการจัดงานขึ้นบ้านใหม่ มีญาติๆ มารวมตัวกันทำบุญ จากนั้น ด.ช.บอยและ ด.ญ.แหม่มได้ขึ้นไปเล่นกันบนชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน โดย ด.ช.บอยเข้าไปรื้อตู้เก็บของในห้องนอน พบอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อซิกซาวเออร์ P320 จำนวน 1 กระบอก ด.ช.บอยคิดว่าเป็นปืนเด็กเล่น ได้สไลด์ปืนขึ้นลำกล้อง และหันปลายกระบอกปืนไปยัง ด.ญ.แหม่ม และได้ลั่นไก 1 ครั้ง

พ.ต.อ.สราวุธกล่าวว่า กระสุนพุ่งตรงเข้าบริเวณอกด้านซ้ายของ ด.ญ.แหม่ม ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งพนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ชันสูตรพลิกศพเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานต่างๆ พร้อมสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

Advertisement

พ.ต.อ.สราวุธกล่าวต่อว่า สภ.เมืองภูเก็ตได้ดำเนินการตามขั้นตอนเกี่ยวกับเยาวชน ซึ่งกรณีนี้น่าจะเป็นเรื่องสุดวิสัย เด็กทั้ง 2 คน เป็นญาติพี่น้องกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ในวันเกิดเหตุมีงานขึ้นบ้านใหม่ เด็กทั้ง 2 คนขึ้นไปเล่นบนห้องนอนของบ้านไปรื้อค้นเจออาวุธปืน คงคิดว่าเป็นปืนเด็กเล่นจึงเอามาเล่นและเกิดเสียงปืน 1 นัด

“จากการตรวจสอบอาวุธปืน ทราบว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และเป็นญาติกับเจ้าของบ้าน อาจเป็นปืนที่เขามาลืมทิ้งไว้ที่บ้าน ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ในทางคดีได้แจ้งข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ตามกฎหมายไทยระบุว่า เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี แม้กระทำความผิดจริง แต่ไม่ต้องรับโทษ

“โดยในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) จะนัดเด็กผู้ชายมาทำการสอบสวนโดยจะมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ อัยการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นจะนำตัวเด็กผู้ชายไปยังสถานพินิจดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ในการรายงานตัว และคงมีการปล่อยตัวออกมา จากนั้นจะต้องไปรายงานตัวตามวันและเวลาที่เขากำหนด” พ.ต.อ.สราวุธกล่าว

Advertisement

พ.ต.อ.สราวุธกล่าวว่า สำหรับมารดาของผู้เสียชีวิตให้การว่า เชื่อว่าเด็กทั้งสองคนน่าจะเล่นกันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงไม่ติดใจตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นหลานของเขาด้วยเช่นกัน ส่วนศพเด็กผู้หญิงได้ทำการฝังศพตามศาสนาอิสลามแล้ว

ปืนมีทะเบียน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 29) พ.ศ.2565 ซึ่งมีการแก้ไขรายละเอียดบางมาตรา โดยมาตรา 3 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 73 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2551 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา 73 เด็กอายุยังไม่เกินสิบสองปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ”

มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 74 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2551 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา 74 เด็กอายุกว่าสิบสองปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้

(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้

(2) ถ้าศาลเห็นว่าบิดา มารดา หรือผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กนั้นได้ ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้แก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองไป โดยวางข้อกำหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองระวังเด็กนั้นไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลาที่ศาลกำหนดซึ่งต้องไม่เกินสามปีและกำหนดจำนวนเงินตามที่เห็นสมควรซึ่งบิดา มารดา หรือผู้ปกครองจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละหนึ่งหมื่นบาท ในเมื่อเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้นแต่ถ้าเด็กนั้นอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และศาลเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาวางข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น ศาลจะเรียกตัวบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาสอบถามว่าจะยอมรับข้อกำหนดทำนองที่บัญญัติไว้สำหรับบิดา มารดา หรือผู้ปกครองดังกล่าวมาข้างต้นหรือไม่ก็ได้ ถ้าบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ยอมรับข้อกำหนดเช่นว่านั้นก็ให้ศาลมีคำสั่งมอบตัวเด็กให้แก่บุคคลนั้นไปโดยวางข้อกำหนดดังกล่าว

(3) ส่งตัวเด็กนั้นไปยังสถานศึกษา หรือสถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต หรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรมเด็ก ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่ให้เกินกว่าวันที่เด็กนั้นจะมีอายุครบสิบแปดปี

ในกรณีที่ศาลมอบตัวเด็กให้แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ตาม (2) ศาลจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้นเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา 56 ด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานคุมประพฤติ หรือพนักงานอื่นใดเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้น

ในกรณีที่เด็กนั้นไม่มีบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง หรือมีแต่ศาลเห็นว่าไม่สามารถดูแลเด็กนั้นได้ หรือในกรณีที่เด็กอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และบุคคลนั้นไม่ยอมรับข้อกำหนดดังกล่าวใน (2) ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้อยู่กับบุคคล หรือองค์การที่ศาลเห็นสมควรเพื่อดูแล อบรม และสั่งสอนตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้ในเมื่อบุคคล หรือองค์การนั้นยินยอม ในกรณีเช่นว่านี้ให้บุคคล หรือองค์การนั้นมีอำนาจเช่นผู้ปกครองเฉพาะเพื่อดูแล อบรม และสั่งสอน รวมตลอดถึงการกำหนดที่อยู่และการจัดให้เด็กมีงานทำตามสมควร หรือให้ดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นก็ได้

คำสั่งของศาลดังกล่าวใน (2) (3) วรรคสองและวรรคสามนั้น ถ้าในขณะใดภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ความปรากฏแก่ศาลโดยศาลรู้เอง หรือตามคำเสนอของผู้มีส่วนได้เสียพนักงานอัยการ หรือบุคคล หรือองค์การที่ศาลมอบตัวเด็กเพื่อดูแล อบรม และสั่งสอน หรือเจ้าพนักงานว่าพฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปก็ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้น หรือมีคำสั่งใหม่ตามอำนาจในมาตรานี้”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image