รพ.ตรัง รับผู้ป่วยวันละ 3 พันชีวิตไม่ไหว เหตุตึกใหม่ 11 ปีสร้างไม่เสร็จ
จากผู้รับเหมาทิ้งงาน จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ลุกลามกระทบระบบการแพทย์ทั้งในจังหวัด และใกล้เคียง เหตุตึกเก่าที่มีอยู่รองรับผู้ป่วยนอกได้แค่ 500 คนต่อวัน แต่กลับมีผู้ป่วยเข้าใช้บริการต่อวันกว่า 3 พันชีวิตทำให้อาคารเดิมรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้รับเหมารายล่าสุดส่อเค้าไม่เสร็จอีก ขอขยายเวลาทำต่อ หลังหมดสัญญาไปแล้ว อ้างเหตุงานล่าช้าเพราะโควิด-19
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นพ.สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผอ.รพ.โรงพยาบาลศูนย์ตรัง และคณะกรรมการตรวจติดตามงาน พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต ชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง และผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบการก่อสร้างอาคารอำนวยการผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือตึกโอพีดี ซึ่งเป็นอาคาร คสล.7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 23,765 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคารโรงพยาบาลตรัง ดำเนินการก่อสร้างมาแล้วกว่า 11 ปี ผ่านมาแล้วกว่า 7 ผู้ว่า และ 3 ผู้รับเหมา แต่ยังยังไม่แล้วเสร็จ
ปัจจุบันการก่อสร้างหน้าอยู่ที่ประมาณ 40% ส่วนเนื้องานอยู่ที่ประมาณ 50% โดยมีผู้รับเหมาคือ กิจการร่วมค้า-เอสที-แมกแอนส์-ทีดับบิว เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่เหลือ จำนวน 17 งวด ระยะเวลา 730 วัน งบประมาณ 278,653,312 ล้านบาท หลังจากที่ ผู้รับเหมาจำนวน 2 รายก่อนหน้านี้ทิ้งงานลงไป โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างในวันที่ 1 เมษายน 2563 สิ้นสุดสัญญา 31 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
ขณะที่ปัจจุบันปรากฏว่า การดำเนินการก่อสร้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า ด้วยปัจจัยของผู้รับเหมา ทั้งนี้ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ได้ออกหนังสือให้เร่งรัดการก่อสร้างไปทั้งหมด 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 แต่กลับปรากฏว่าช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา การก่อสร้างได้หยุดชะงัก และทางผู้รับเหมาส่งงานตามกำหนดได้เพียงแค่ 5 งวดเท่านั้น
นพ.สมบัติกล่าวว่า อาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่นี้เป็นอาคารผู้ป่วยนอก ดูแลผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ซึ่งอาคาร รพ.ตรัง ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นอาคารแบบเดิมรองรับผู้ป่วยจำนวนจำกัดไม่เกินวันละ 500 คน แต่ปัจจุบันต้องรองรับผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการทั้งใน จ.ตรัง และ จ.ข้างเคียงวันละไม่ต่ำกว่า 2-3 พันคน โดยโครงสร้างตึกเดิมไม่สามารถรองรับได้ จนเกิดปัญหาความแออัด ไม่สะดวกสบายกับผู้เข้าใช้บริการ และยังตอบสนองความต้องการให้ล่าช้าลงไป โดยปัญหาเกิดจากตัวอาคารที่กำลังดำเนินการก่อสร้างใหม่ล่าช้า ที่ผ่านมาทาง รพ.ตรัง ได้เร่งรัดมาโดยตลอด แต่การก่อสร้างดังกล่าวเป็นสัญญาที่อำนาจเกินของ รพ.ตรัง แต่เป็นอำนาจของทางกระทรวงสาธารณะสุข ที่มอบอำนาจให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการโดยตรง
ด้าน นายพิษณุ ปอโนนสูง วิศวงานระบบของบริษัทกล่าวว่า ปัญหาหลักในการการก่อสร้างคือ เรื่องปริมาณของคนงานและวัสดุที่สั่งเข้ามา บางส่วนช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เลยเกิดปัญหาทำให้เวลาล่วงเลยออกไปเรื่อยๆ และปัญหาในเรื่องเงินทุนกับการซื้อวัสดุ ปัจจุบันราคาวัสดุสูง โดยได้เร่งผลักดันเพื่อที่ให้งานที่กำหนดแผนงานไว้ให้ได้เต็มที่ที่สุด ตามแผนงานกำหนดแล้วเสร็จประมาณปีหน้า ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2566 และปัญหาบางส่วนคือเป็นงานตึกเก่าและเรามาตามแก้ไขเก็บรายละเอียดจึงทำให้ต้องเสียเวลาไปในส่วนนี้พอสมควร เพราะไม่ใช่งานที่สร้างใหม่แต่แรก เพราะเป็นผู้รับเหมาที่เข้ามาเป็นรายที่ 3
ขณะที่ นายชัยวุฒิ ประธานชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ผู้รับเหมารายใหม่เป็นรายที่ 3 ก็ยังไม่มีความแน่ใจว่าจะเสร็จได้ทันตามที่กำหนดแผนไว้หรือไม่ โดยตามสัญญาที่มีการเซ็นสัญญาไว้กับทางกระทรวงนั้นหมดไปแล้ว จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้มีการยืดระยะเวลาในการทำงานออกไปได้ วันนี้ 11 ปีผ่านไปคนตรังเสียโอกาสจำนวนมากที่จะได้รับบริการทางการแพทย์หรือทางสาธารณสุข
สำหรับอาคารดังกล่าวเริ่มต้นระหว่าง จ.ตรัง โดยนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.ตรัง ในสมัยนั้น ได้ผู้รับเหมาคือบริษัท เจมิไนย์ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด (ขณะนั้น) โดยวิธี e–bidding ในวงเงินของกระทรวงสาธารณะสุขจำนวน 418,658,000 ล้านบาท ก่อนจะถูกผู้รับเหมาทิ้งงาน จึงได้ยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 และได้หยุดชะงักไป 1 ปี ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ทางจังหวัดตรัง โดยนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในขณะนั้น ได้ผู้รับเหมารายใหม่คือ บริษัท ทศพร เอ็นจิเนียริ่ง ในวงเงินงบประมาณ 404 ล้านบาท แต่กลับถูกผู้รับเหมาทิ้งงาน ก่อนจะยกเลิกสัญญาวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 และได้มีการริบหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวน 10 ล้านบาท จนกระทั้งปัจจุบันนี้ กิจการร่วมค้า-เอสที-แมกแอนส์-ทีดับบิว เข้ามาเป็นผู้รับเหมา แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จตามสัญญาจนทำให้ต้องขยายระยะเวลาออกไปอีก ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
