โจรบาปสุดแสบ ฉวยโอกาสช่วงพระติดโควิด ย่องเบางัดตู้บริจาคในวัดดังเขตเทศบาลเมืองนครพนม ถึง 2 แห่ง วัดเจ้าคณะจังหวัดยังโดน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเสียขาดปัจจัยซ่อมแซม คาดทาสยาเสพติดในพื้นที่ รู้ความเคลื่อนไหว พบเกิดเหตุมาแล้วกว่า 5 ครั้ง ในรอบปี จับคนร้ายได้แค่ครั้งเดียว ตำรวจเร่งแกะรอย วางมาตรการป้องกันก่อเหตุซ้ำ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ร.ต.อ.คงฤทธิ์ พลศรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุมีคนร้ายลักทรัพย์ภายในวัดกกต้อง ชุมชนกกต้อง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน เร่งแกะรอยหาเบาะแสติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
โดยภายในวัดกกต้อง พบหลักฐานตู้บริจาคไม้ถูกงัดกุญแจ ขโมยนำเงินบริจาคไป คาดว่าประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท โดยได้นำตู้บริจาคไปทิ้งไว้ด้านหลังวัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐาน โดยตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดภายในวัดเสียมานานหลายเดือน ไม่มีปัจจัยซ่อมแซม
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีขโมยใจบาปเข้ามาขโมยเงินในตู้บริจาคไปแล้ว นับจำนวน 5 ครั้ง รวมครั้งล่าสุด สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้เพียงครั้งเดียว
ทั้งนี้ ทาง พระพิชิตพล เตชะพโล อายุ 37 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกกต้อง ระบุว่า คนก่อเหตุเป็นกลุ่มทาสยาเสพติด ติดยาบ้า ต้องการเงินไปซื้อยาเสพติด และเป็นคนในพื้นที่ รู้ความเคลื่อนไหวของพระในวัด เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พระติดโควิด 7 รูป และจำวัดในกุฏิ ทำให้โจรบาปฉวยโอกาสเข้ามาขโมยงัดตู้บริจาคในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ซึ่งก่อเหตุมาแล้ว 4-5 ครั้ง ในช่วงต้นปี ฝากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุม ป้องกันก่อเหตุซ้ำ นอกจากนี้ ยังวิงวอนชาวบ้านช่วยหาเบาะแส
ขณะเดียวกันทางด้าน ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ยังได้รับแจ้งจาก พระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณราม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ในเขตชุมชนเดียวกัน คือชุมชนกกต้อง ได้มีคนร้ายงัดศาลาการเปรียญเข้าไปขโมยเงินในตู้บริจาค ที่เป็นรูปปั้นเณร ซึ่งชาวบ้านมาทำบุญ คาดว่าสูญเงินไปไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
โดยเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบเก็บหลักฐาน เร่งติดตามหาคนร้าย จับกุมมาดำเนินคดี และเพิ่มมาตรการป้องกัน ส่วนวัดแห่งนี้ไม่มีระบบกล้องวงจรปิด เชื่อว่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ก่อนเหตุในคืนวันเดียวกัน
ด้าน พระมหาณรงค์ฤทธิ์ พระลูกวัดสว่างสุวรรณราม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีชายต้องสงสัยมานั่งคล้ายดูลาดเลาในวัด 2-3 วัน บังเอิญวันเกิดเหตุมีพายุฝนและไฟฟ้าดับ จึงเป็นโอกาสของคนร้ายลอบเข้ามาขโมยเงินในศาลาการเปรียญไป ซึ่งในศาลาไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ทั้ง 2 แห่ง เพราะเป็นวัดที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เบื้องต้นได้แจ้งทางตำรวจให้ไล่เช็กกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ พื้นที่ใกล้เคียง เร่งตรวจสอบเพื่อติดตามตัวโจรบาปมาดำเนินคดีต่อไป
