เจ้าของร้านขายโลงศพ โอดโดนเรียกเก็บภาษีที่ดินเกินจริง แจ้ง อบต.ตรวจสอบ (มีคลิป)

ชาวนาวัย 58 ปี ชาว อ.เมือง บุรีรัมย์ เช่าที่ดินปีละ 4,000 มาขายโลงศพเป็นอาชีพเสริม โดน อบต.กระสัง เรียกเก็บภาษีปีละกว่า 4,000 ระบุเป็นคลังสินค้า โร่ไปเจรจา จนท.ลดเหลือ 600

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายประจวบ สังคะโห อายุ 58 ปี เกษตรกรทำนาอยู่บ้านเลขที่ 60 ม.19 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และเป็นเจ้าของร้านเจริญศิลป์โลงทอง ตั้งอยู่ริมถนนสายบุรีรัมย์-ลำปลายมาศ ว่าถูก อบต.กระสัง เรียกเก็บภาษีแพงเกินจริง ตรวจสอบ พบร้านขายโลงดังกล่าว เป็นโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว มุงหลังคาและล้อมด้วยสังกะสี ภายในร้านมีโลงศพตั้งไว้ขายจำนวน 1 ใบ มีโลงเย็น 2 ใบ มีรถกระบะ 1 คัน และอุปกรณ์การจัดงานศพจำนวนหนึ่ง

นายประจวบเล่าว่า ปกติตนจะมีอาชีพทำนา ช่วงที่เคยเป็นสมาชิก อบต.มาก่อน ได้ไปศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับการจัดงานศพ จึงปรึกษากับภรรยาว่าอยากจะเปิดร้านขายโลงศพ จึงนำที่นาไปจำนองกับ ธกส.แล้วไปเช่าที่ดินติดถนน หน้ากว้าง 12 เมตร ลึก 8 เมตร เจ้าของที่ดินคิดค่าเช่าปีละ 4,000 บาท ลงทุนสร้างตัวอาคาร และซื้ออุปกรณ์การจัดงานศพรวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 200,000 บาท

Advertisement

แต่ไม่มีเงินทุนทำโลงเอง จึงไปซื้อร้านขายโลงส่งมาทีละ 1-2 ใบ ในแต่ละเดือนจะรับงานจัดงานศพเล็กๆ เดือนละ 1-2 งาน โชคดีบางเดือนได้ 3 งาน แต่บางเดือนไม่มีงานเลย เพราะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมา 6 ปีที่ทำมา ยังไม่ได้ทุนคืน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นภายในครอบครัว

เมื่อต้นปีนี้ ถูกเรียกเก็บค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นเงิน 1,122 บาท แต่ปรากฏว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถูกเรียกเก็บเงินค่าภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอีก 2,794.90 บาท ค่าปรับอีก 558.98 บาท รวมเป็นเงิน 3,381.83 บาท รู้สึกตกใจเพราะไม่เคยเสียขนาดนี้มาก่อน จึงเข้าไปสอบถาม จนท.ของ อบต. ได้รับคำตอบว่า “สถานที่เป็นคลังสินค้า” รู้สึกตกใจว่าจะเป็นคลังสินค้าได้อย่างไร เพราะไม่มีสินค้ามากมาย มีเพียงโลงศพ 2-3 ใบเท่านั้น แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เรียกตนไปพบเพื่อทำการประเมินใหม่ สุดท้าย อบต.กระสัง ประเมินให้เสียค่าภาษีเพียง 690 บาท จากกว่า 3,300 บาท

นางชญาทศ ปัญญาบุตร อายุ 53 ปี ภรรยาเจ้าของร้านบอกว่า ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ ที่สามารถจัดงานได้ครั้งละ 1 งานเท่านั้น บางเดือนไม่มีงาน ในฐานะที่เป็นคนไทยต้องเสียภาษี ตนยินดี แต่ถ้ามานั่งเทียนแล้วส่งใบมาเตือน ตนว่าไม่สมควร จึงอยากจะฝากถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป ควรจะออกมาสำรวจสภาพความเป็นจริงก่อนที่จะเรียกเก็บภาษีหรือไม่ เพราะหลายคนไม่กล้าไปทักท้วงกลัวจะโดนความผิด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image