ภรรยาบิลลี่ ดีใจ อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ‘ชัยวัฒน์’ โต้ ถ้าไม่เชื่อนิติวิทยาศาสตร์แล้วจะเชื่ออะไร

“มึนอ” เมียบิลลี่ดีใจที่กระบวนการยุติธรรมยังมีให้เห็นกรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “ชัยวัฒน์” ต่อศาล ไม่ใครกลั่นแกล้งได้ ยืนยันเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งฯ บุกไปเผาบ้านปู่คออี้จริง เชื่อนิติวิทยาศาสตร์กรณีพิสูจน์เถ้ากระดูกบิลลี่ที่พบในอ่างแก่งกระจาน

ความคืบหน้าหลังจากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวก ในคดีอุ้มฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อดีตสมาชิกสภา อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2565 นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยานายบิลลี่ เปิดเผย “มติชน” ว่า ตนเห็นข่าวนี้แล้ว รู้สึกดีใจและมีความรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมยังมีให้เห็น การสูญหายของนายบิลลี่สามีคงต้องปล่อยให้ดำเนินการไปตามครรลองของศาล ที่นายชัยวัฒน์กล่าวว่าถูกกลั่นแกล้ง ตนเชื่อว่าไม่มีใครกลั่นแกล้งนายชัยวัฒน์ได้ สำหรับกรณีที่นายชัยวัฒน์กับพวกเผาบ้านปู่คออี้ในป่าบ้านบางกลอยบน ขอยืนยันว่าปู่คออี้อาศัยอยู่ที่บ้านในป่ามานานมาก ถ้านับถึงวันนี้ก็ร้อยกว่าปีแล้ว เรื่องที่กล่าวหาว่าชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเข้าไปทำลายป่า แล้วทางการนำชาวบ้านใจแผ่นดินลงมาอยู่ด้านล่าง ทำให้การดำเนินวิถีชีวิตลำบาก เดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน ป่าที่ปู่คออี้อยู่จนถึงวันนี้สภาพป่าก็ยังเป็นป่าสมบูรณ์

ส่วนประเด็น นายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งกระจานไม่ได้เข้าป่าไปเผาบ้านปู่คออี้จำนวนหลายหลัง ทั้งยังบอกว่าการเผาบ้านหลายหลังในป่าไม่มีจริง นางพิณนภาชี้แจงว่าภาพหลักฐานการเผาที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ก็ชัดเจนว่ามีการเผาบ้านจริง และที่บอกว่าไม่ใช่บ้าน เป็นกระต๊อบ ตนขอยืนยันว่าเป็นบ้านของชาวบ้านที่ไปปลูกไว้อยู่อาศัยจริงๆ ตอนที่ปู่คออี้ยังอาศัยอยู่ที่บ้านบางกลอยบน ตนเดินทางไปเยี่ยมปู่ทุกปี ปีละครั้งในช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน เดินจากบ้านบางกลอยไปถึงบ้านปู่ถ้าเดินกันเร็วๆ โดยไม่มีของแบกก็ใช้เวลาเดินประมาณ 1 วัน ถ้าเดินช้ามีของแบกติดตัวก็ต้องค้างคืนกลางป่า 1-2 คืน ไม่ใช่ใช้เวลานาน 4-7 วันตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ช่วงที่ตนตั้งครรภ์ 8 เดือนยังเดินไปบ้านปู่ได้ ขอยืนยันว่าปู่อาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกเผาจริงๆ ไม่ใช่กระต๊อบ

Advertisement

นางพิณนภากล่าวต่อไปว่า อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องครั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งนายชัยวัฒน์ได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมของศาล นายชัยวัฒน์บอกว่าหลักฐานที่ดีเอสไอพบ เช่น เศษเถ้ากระดูกที่พบที่สะพานแขวน ริมอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน และหลักฐานประกอบอื่นๆ เป็นเรื่องที่จัดสร้างขึ้นมาเพื่อกล่าวหา เป็นเศษเถ้ากระดูกของชาวชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่นำไปลอยอังคาร ไม่ใช่กระดูกของนายบิลลี่ แต่ตนเชื่อว่าเป็นกระดูกนายบิลลี่สามีของตนจริง เพราะนำกระดูกที่พบไปตรวจดีเอ็นเอแล้วตรงกันกระดูกมารดาของนายบิลลี่ เป็นการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่เชื่อกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วจะเชื่อถืออะไรได้ เชื่อว่าพนักงานอัยการตรวจสอบหลักฐานแน่ชัดและรอบคอบแล้วจึงสั่งฟ้อง และที่บอกว่าคนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคารในแม่น้ำ ขอชี้แจงว่าคนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงตายแล้วไม่มีใครนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร ส่วนใหญ่ใช้วิธีนำร่างไปฝัง ถ้าจะเผาก็เผา แต่ไม่มีใครนำกระดูกไปลอยอังคารเพราะการลอยอังคารเชื่อว่าไม่ดีต่อแม่น้ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image