เดือดร้อน! รปภ.ฮือประท้วงรัฐ กีดกันแรงงาน เก็บค่าฝึก-จำกัดวุฒิฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ

รปภ. จ.พิษณุโลก กว่า 200 คน รวมตัวถือป้ายประท้วงเดินมาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านชะลอ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 เก็บค่าฝึก-จำกัดวุฒิการศึกษาขั้นต่ำ ม.3 ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ส่งต่อถึงนายกรัฐมนตรี

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เครือข่ายผู้ประกอบธุรกิจและพนักงานรักษาความปลอดภัยพื้นที่ภาคเหนือ นำโดย พ.อ.อ.นพดุล ใจอารีย์ ผอ.หจก.รักษาความปลอดภัยนพกัจน์ กรุ๊ป และ พ.ท.ชัยพร คุ้มสุพรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สเปเชียลไทยการ์ด แอนด์เซอร์วิส จำกัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ในสังกัดจำนวนกว่า 200 คน เดินถือป้ายประท้วง ขอให้ชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 5 มีนาคม นี้ พร้อมมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก

พ.อ.อ.นพดุล ใจอารีย์ ผอ.หจก.รักษาความปลอดภัยนพกัจน์ กรุ๊ป กล่าวว่า ขอให้ชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 5 มีนาคม นี้ ออกไปก่อน ซึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการควบคุมกำกับการประกอบธุรกิจ และยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบธุรกิจและพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยไม่เข้าใจหรือไม่คำนึงถึงสภาพข้อเท็จจริง ในการประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย อาทิ การกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขออนุญาต และพนักงานรปภ.ต้องมีวุฒิ ม.3 อีกทั้งกำหนดให้พนักงาน รปภ.เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการอบรมผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปรับการฝึกอบรมเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-6,000 บาทต่อคน และไม่ตรงความต้องการในการประกอบธุรกิจ เพิ่มความยุ่งยากและปิดโอกาสสำหรับผู้มีการศึกษาน้อย ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานที่ไม่มีวุฒิ ม.3 และไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมตามที่กำหนด

นอกจากนี้ยังกำหนดโทษความผิดทางอาญาต่อผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับในกฎหมาย เช่นกรณีเอาผู้ที่ไม่ใช่พนักงานรปภ.รับอนุญาตไปปฏิบัติงานจะมีโทษทั้งจำและปรับ ดังนั้นการบังคับใช้ พ.ร.บ.ฯ ในวันที่ 5 มีนาคม นี้ ทุกฝ่ายยังไม่พร้อมและมีปัญหาสับสนยุ่งยากในการปฏิบัติตามข้อกฎหมายต่างๆ ดังกล่าวนี้ จะเป็นการซ้ำเติมทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการ ผู้ว่าจ้าง และพนักงานรปภ. ผู้มีรายได้น้อย และมีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอยู่แล้ว อาจจะทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ต้องเลิกกิจการ จะยิ่งส่งผลให้มีพนักงานตกงานและครอบครัวเดือดร้อนจำนวนมาก

Advertisement

นายไกรพล พงษ์แก้ว ตำแหน่งครูฝึกและหัวหน้าฝ่ายจัดการพิเศษ บริษัท สเปเชียลไทยการ์ดแอนด์เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ได้รับผลกระทบ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาก เพราะบริษัทจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ส่วน รปภ คนละ 1,000 บาท 3 ปีต่อบัตร 1 ครั้ง และรปภ.บางคนนั้นมีวุฒิการศึกษาไม่จบ ม.3 ต้องทำความเข้าใจ รปภ.ส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นในอดีตไม่มีการบังคับใช้ให้ประชาชนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ม.3 ผู้สูงอายุหลายๆ คนในสังคมนั้นเรียนจบแค่ ป.4, ป.7 เรียนแค่อ่านออกเขียนได้พอ ดังนั้น พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่เอื้อกับ รปภ.บางคนแล้วจะทำให้ตกงานไม่มีงานทำไว้เลี้ยงครอบครัว เหล่าแกนนำยังเผยอีกว่าถ้าเรื่องไม่ถึงท่านนายกรัฐมนตรีจะพา รปภ.เดินทางไปยื่นหนังสือถึงท่านนายกฯเองอีกด้วย

201602121512376-20021028190244

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image