อดีตทหารเกณฑ์สังกัดกองพันทหารราบที่ 9 มืออาก้าแห่งแก๊งเสือบ้านขามใหญ่ วัย 31 ปี ที่ร่วมก่อเหตุกราดยิงถล่มคู่อริหน้าสถานบันเทิงกลางเมือง จ.อุบลราชธานี เข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อสู้คดีแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เผ่นหนีไปอยู่ฝั่ง สปป.ลาว เจ้าตัวปฏิเสธข้อหาพยายามฆ่า อ้างยิงอีกฝ่ายเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
จากเหตุการณ์ระทึกขวัญกลางเมืองอุบลราชธานี เมื่อ 2 กลุ่มวัยรุ่นในจังหวัดระหว่างแก๊งสิงห์หาดวัดใต้กับแก๊งเสือขามใหญ่ ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กัน ราวกับถ่ายทำหนังสงครามระหว่างแก๊งบริเวณหน้าร้านพญายอกับร้านเอกมัย 487 ข้างห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย เบื้องต้นมีการออกหมายจับกุมผู้ก่อเหตุจำนวน 16 คน ที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ จับกุมได้แล้ว 11 คน มอบตัว 1 คน อยู่ระหว่างการหลบหนี 4 คน ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นายบุญมี จอมหงษ์ ทนายความ ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯว่า นายนิกร ทองพันธุ์ อายุ 31 ปี หรือนายเหม่า หนองมะนาว แก๊งเสือบ้านขามใหญ่ มือยิงอาก้าที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปตั้งหลักยังประเทศ สปป.ลาว มีความประสงค์จะเดินทางข้ามฝั่งกลับเข้ามามอบตัวที่ชายแดนบ้านบุ่งข้อง ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับมอบตัวและนำไปชี้จุดหลบหนีที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ริมโขง ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลฯ ก่อนแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน, มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ใช้ได้ เบื้องต้นนายนิกรให้การปฏิเสธเฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อ้างว่าการใช้ปืนอาก้ายิงขึ้นฟ้า เปิดทางนำตัวนายโชคทวัตร หรือเป็ด พันธ์กว้าง หัวหน้าแก๊งเสือบ้านขามใหญ่ที่ถูกยิงไปส่งโรงพยาบาล ไม่มีเจตนายิงใส่ผู้ใด
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายนิกร ทองพันธุ์ มืออาก้าแห่งแก๊งเสือบ้านขามใหญ่ วัย 31 ปี อดีตเป็น “ทหารเกณฑ์” สังกัดกองพันทหารราบที่ 9 มาสอบปากคำพร้อมนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณร้านพญายอ ลานจอดรถห้างบิ๊กซี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลฯ โดยรับสารภาพว่าวันเกิดเหตุได้ใช้ปืนอาก้ายิงไปทั้งหมด 28 นัด แต่เป็นการยิงลงพื้นและยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่และป้องกันตัวเท่านั้น ซึ่งหากว่ากราดกระสุนยิงคงจะต้องมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ท่ามกลางชาวบ้านมามุงดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในเรื่องของการใช้อาวุธปืนยิง แต่ยังคงให้การปฏิเสธข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
