‘อควาเรียมหอยสังข์’ อีกโครงการร้าง รอ ‘บิ๊กตู่’ สะสาง

‘อควาเรียมหอยสังข์’ อีกโครงการร้าง รอ ‘บิ๊กตู่’ สะสาง

อาคารโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ถูกพูดถึงอีกครั้ง เครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสงขลาออกมาขับเคลื่อน เพราะหน่วยงานรัฐเพิกเฉยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเมินว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะทำให้ชาวสงขลาได้ใช้ประโยชน์ในอาคารรูปลักษณ์หอยสังข์แห่งนี้เสียที

กล่าวถึงโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” เพิ่งรู้จักกันเมื่อปี 2560 แม้โครงการจะเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2551 แต่ชาวสงขลาที่ขับรถผ่านสะพานติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมืองสงขลา กลับไม่ได้รับรู้ว่าเกิดการก่อสร้างโครงการอะไร เพื่ออะไร ใช้งบประมาณอย่างไร แต่จะเห็นเป็นเพียงอาคารหอยสังข์ มีความโดดเด่น สวยงาม แต่ไม่เคยเห็นการใช้ประโยชน์
กระทั่งการเป็นที่รู้จักของอาคารหอยสังข์แห่งนี้เนื่องจากมีการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จ

แต่น่าเสียดายที่การขับเคลื่อนของภาคประชาชนตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีความคืบหน้า แม้ทวงถามมาหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

วันนี้ภาคประชาชนในนามเครือข่ายพลเมืองสงขลาออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ยื่นข้อเรียกร้องให้มีการก่อสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จ เปิดใช้งานได้ภายใน 2 ปี โดยอาจจะปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ จากที่เคยจะทำอควาเรียมที่ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนมาใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน อย่าปล่อยให้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไร้ค่า

ADVERTISMENT

สำหรับที่มาที่ไปของโปรเจ็กต์นี้นั้น

โครงการนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 “บรรหาร ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยในขณะนั้น ได้เดินทางมาตรวจดูความคืบหน้าโครงการ ในฐานะเป็นประธานที่ปรึกษาโครงการ วงเงินงบประมาณ 800 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 4 ปี ควรจะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2553 แต่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการที่ล่าช้า และมีปัญหาด้านการใช้จ่ายงบประมาณ
กระทั่งเดือนตุลาคม 2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการขณะนั้น ไล่ตรวจสอบทุกโครงการทุจริต ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบความล่าช้า พบว่าเกิดการทุจริตจริง พัวพันไปบิ๊กข้าราชการหลายคนจากหลายกรม กระทรวงและมหาวิทยาลัย จึงเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เสนอให้มีคำสั่งย้ายข้าราชการระดับผู้บริหารที่มีส่วนพัวพันกับการทุจริต ก่อนที่ต่อมาที่ประชุม ครม.มีมติเสนอโอนย้ายข้าราชการของกระทรวง ที่ไม่ได้เป็นการโยกย้ายตามฤดูปกติ อาศัยคำสั่งหัวหน้า คสช. ไปทำงานที่สำนักนายกฯ จำนวน 3 ราย

ADVERTISMENT

แต่หลัง นพ.ธีระเกียรติพ้นหน้าที่เจ้ากระทรวงไป โครงการเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง ไร้การสานต่ออย่างต่อเนื่องจากหน่วยเหนือ

ล่าสุด วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา “สุเทพ แก่งสันเทียะ” เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ได้หารือกับประชาคมชาวสงขลา และเสนอ 6 แนวทาง คือ 1.ให้สร้างอควาเรียมเหมือนเดิม 2.สร้างอควาเรียม แต่บูรณาการเทคโนโลยีเสมือนจริงเข้าไปด้วย 3.จัดทำเป็นศูนย์ศึกษาพันธุ์พืชและป่าชายเลน 4.จัดทำเป็นศูนย์อบรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 5.โอนให้จังหวัดมาดำเนินการ เพื่อจัดแสดงสินค้า แสดงศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ และ 6.จัดทำเป็นศูนย์แสดงสินค้า และการท่องเที่ยวทางน้ำโดยสร้างท่าเรือ

มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจ ดำเนินการตามแนวทางที่ 5 และ 6

“ปรีชา สุขเกษม” ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองสงขลา บอกว่า โครงการนี้เป็นการคิดและอนุมัติงบประมาณ รวมถึงจ้างเหมาก่อสร้างมาจากส่วนกลางทั้งหมด ชาวสงขลาไม่เคยได้รับรู้และมีส่วนร่วม เมื่อลงมือก่อสร้างแล้วประสบปัญหา ถูกทิ้งร้างเอาไว้ ไม่อนุมัติงบประมาณมาสร้างต่อโดยอ้างว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนสงขลา แต่กลับต้องมารับกรรม กลายเป็นที่ตั้งแห่งโครงการทุจริต ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเงินงบประมาณแผ่นดินมูลค่ามหาศาล

ส่วนข้อเสนอทั้ง 6 แนวทางนั้น อาจจะพิจารณากันตามความเหมาะสม หากจะปรับเปลี่ยนรูปแบบก็สามารถดำเนินการได้ เพราะเป้าประสงค์หลักคือทำอย่างไรที่จะทำให้สิ่งก่อสร้างที่ใช้งบไปแล้ว 1,400 ล้านบาท สามารถเกิดประโยชน์ขึ้นมา ไม่ได้เป็นแค่ประติมากรรมแห่งการทุจริตเท่านั้น

“สิ่งหนึ่งที่ควรจะคำนึงถึงคือ หากตกลงรูปแบบ รวมถึงงบประมาณมาก่อสร้างจนแล้วเสร็จแล้ว ก็ควรจะพิจารณาในเรื่องของการบริหารจัดการ และงบประมาณในการดูแล เพื่อให้เกิดการใช้งาน ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย” นายปรีชากล่าว และบอกอีกว่า

“ตามกำหนดการ ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางลงมาเพื่อประกอบพิธีบรรจุอัฐิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่สวนประวัติศาสตร์ พล.อ.เปรม อ.เมืองสงขลา เครือข่ายพลเมืองสงขลาจะรอให้การต้อนรับด้วยช่อดอกไม้ ซึ่งได้จัดตัวแทนเครือข่ายที่เป็นสตรีรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี แล้วอาจจะฝากให้นายกรัฐมนตรีช่วยสานต่อโครงการอควาเรียมหอยสังข์ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สมกับมูลค่างบประมาณแผ่นดินที่เสียไปแล้ว ยืนยันเป็นการต้อนรับด้วยใจ เพราะนายกรัฐมนตรีเดินทางมาวาระสำคัญของคนสงขลา”

นี่เป็นอีกความพยายามล่าสุดหวังว่าการเมืองจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นหนาที่ซุกใต้พรม

ขณะที่ “อนุชา บูรพชัยศรี” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการถูกทิ้งร้างมา 14 ปีนี้ว่า มีการตรวจสอบมาหลายส่วนแล้ว โดยคณะกรรมการอาชีวศึกษาเป็นเจ้าของงานก่อสร้าง ที่มีเรื่องงบประมาณต่างๆ ในช่วงแรกที่เบิกจ่ายกันไป อาจจะยังศึกษาไม่ครบถ้วนในส่วนการจัดเป็นอควาเรียมทั้งหมด ในช่วงที่ผ่านมาจะมีลำดับขั้นตอน การพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนอควาเรียมเป็นส่วนงานอื่นๆ จึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือเพื่อข้อสรุป และย้อนดูปัญหาต่างๆ รวมไปถึงสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่

“เจษฎา จิตรัตน์” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การที่เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเดินทางมาชี้แจงปัญหาการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ที่ล่าช้า รวมถึงแนวทางในการขับเคลื่อน มีข้อเสนอใน 6 แนวทางนั้น ภาคประชาชนส่วนหนึ่งก็ต้องการที่จะให้ขับเคลื่อนเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิม คือเป็น “อควาเรียม” ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากจะดำเนินการรูปแบบใดเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในตัวอาคาร ก็สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ทางจังหวัดสงขลามีความพร้อม หากจะมีการโอนหรือหารือในภารกิจนี้ ขึ้นอยู่กับทางกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ว่าจะพิจารณาดำเนินการต่อในแนวทางใด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและจังหวัดสงขลา หากได้ข้อสรุปแล้วทางจังหวัดก็จะได้พิจารณา เพื่อให้มีการดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป้าประสงค์เดียวกันคือให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นหลัก

สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของเครือข่ายภาคประชาชนครั้งนี้ ไม่ค่อยมีคนเห็นต่างมากนัก
ส่วนใหญ่ต้องการให้สานต่ออาคารอควาเรียมหอยสังข์ที่ตั้งเด่นตระหง่านมานาน

ปัดฝุ่นใช้การพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ให้สมกับที่ใช้งบประมาณมหาศาล 1.4 พันล้าน ผุดโครงการตามวัตถุประสงค์การก่อตั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image