‘จุลนิตย์’ ประธานหอการค้าเชียงใหม่ ยินดีต้อนรับ ‘นิรัตน์’ ผู้ว่าฯคนใหม่ อยากให้อยู่ 4 ปี ขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว 5-10 ปี แนะส่งเสริมเป็นเวลเนสซิตี้ แก้ไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 อันดับแรก ชี้เลือกตั้งเป็นเรื่องการเมืองอนาคต แต่ต้องวางตัวเป็นกลาง
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เผยกรณีกระทรวงมหาดไทย (มท.) แต่งตั้ง นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ว่าหอการค้ายินดีต้อนรับนายนิรัตน์ ทราบว่าท่านมีอายุเพียง 50 ปี ถือเป็นคนรุ่นใหม่ แต่อายุไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่การบริหารและประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่า ถ้าเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่แล้ว อยากให้บริหารและพัฒนาอย่างน้อย 4 ปี ก่อนโยกย้ายตามวาระ หรือหน้าที่การงาน เพื่อสานต่อ หรือขับเคลื่อนพัฒนาเชียงใหม่ร่วมกับทุกภาคส่วนให้เป็นทิศทางเดียวกัน
“ที่ผ่านมายอมรับว่าภาคเอกชนได้ทำงานร่วมกับจังหวัดมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเชียงใหม่ไปสู่เป้าหมายเป็นเมืองท่องเที่ยวและน่าอยู่อย่างยั่งยืน แต่บางเรื่องยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งต้องสานต่อ ขับเคลื่อนต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลภายใน 5-10 ปีข้างหน้า แต่ต้องรอนายนิรัตน์เดินทางมารับตำแหน่งก่อน เพื่อให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (ก.ร.อ.) จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาพูดคุย และหารือขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน ซึ่งต้องให้เวลาผู้ว่าฯคนใหม่ได้ศึกษาข้อมูลและบริบทเชียงใหม่ก่อน เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตชุมชน ที่มีอัตลักษณ์แบบล้านนา” นายจุลนิตย์กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายจุลนิตย์กล่าวว่า “เชียงใหม่” มีจุดขายท่องเที่ยว ถือเป็นรายได้หล้กจังหวัดกว่า 70% ดังนั้น ต้องปรับรูปแบบท่องเที่ยวให้มีความหลากหลาย หรือทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมเป็นเวลเนส ซิตี้ (Wellness City) หรือเมืองสุภาวะดี ด้านสุขภาพและการอยู่อาศัย เพราะมีจุดแข็งในเรื่องสปา นวดแผนโบราณ พืชสุมนไพร อาหารอินทรีย์ สิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ แต่อยากฝากนายนิรัตน์แก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ฝุ่นละออง หรือ PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก เพราะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจเชียงใหม่ด้วย
นายจุลนิตย์กล่าวอีกว่า ส่วนตัวอยากได้ผู้ว่าฯที่เป็นคนหนุ่ม มีประสบการณ์ มีมุมมองใหม่ๆ เพื่อเดินคู่ขนานกับนักธุรกิจและนักลงทุนรุ่นใหม่ และสอดคล้องกับผู้บริหารสถานศึกษา อาทิ คณบดี ผู้อำนวยการ ที่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่มากขึ้น ทำให้เกิดมิติการพัฒนาที่หลากหลาย เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนประเด็นวิพากวิจารณ์ว่าเป็นคนของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เพื่อปูทางการเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้านั้น เป็นเรื่องในอนาคต อยากให้จับตามอง หรือโฟกัสการพัฒนาเชียงใหม่มากกว่า ถึงเวลาเลือกตั้งเชื่อว่าคนเชียงใหม่มีวิจารณญาณ ซึ่งบางส่วนได้ตัดสินใจไปแล้ว ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบังคับ หรือชี้นำได้ ที่สำคัญต้องวางตัวเป็นกลางเลือกตั้งดังกล่าวตามบทบัญญัติกฎหมายด้วย