พี่สาวนำหลักฐานโต้กลับ หลังนายเฟียสให้สัมภาษณ์สื่อว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับสองพี่น้อง ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
จากกรณีที่ นายเฟียสช่างซ่อมบำรุงคอนโด หรือผู้ก่อเหตุพยายามข่มขืน น.ส.หมวย (สงวนชื่อ นามสกุล) อายุ 18 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ปวส.ปี 1 เดินทางพร้อมด้วยภรรยาและแม่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.บางบัวทอง พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว เคยเป็นกิ๊กกัน เข้า-ออกห้องบ่อยครั้งนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านอำเภอบางบัวทอง พบ น.ส.สุนันทา อายุ 24 ปี พี่สาว และ น.ส.หมวย (สงวนชื่อ นามสกุล) อายุ 18 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปวส.ปี 1 ถูกโซเชียลถล่มหลังจากนายเฟียสพูดออกสื่อไม่เป็นความจริง และทำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและแชตของฝ่ายบริหารคอนโดที่นายเฟียสใช้ทักมายอมรับผิดและขอโทษกับ น.ส.สุนันทา และ น.ส.หมวย เวลา 21.32 น. หลังเกิดเหตุ ก่อนจะอ้างว่าทำเรื่องขอย้ายออกจากงาน
โดยภาพวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 19 ส.ค.65 เวลา 20.43 น. พบ น.ส.หมวยได้กลับมาจากกินข้าวกับเพื่อนแล้วกำลังจะเข้าคอนโด ซึ่งคีย์การ์ดของ น.ส.หมวยได้หายไปประมาณ 3 วันก่อนจึงเปิดประตูที่คอนโดไม่ได้ จึงต้องเคาะประตูห้องนิติฯ เพื่อที่จะให้พนักงานฝ่ายนิติฯใช้คีย์การ์ดมาเปิดประตูให้ตน จากนั้นนายเฟียสก็เดินมาเปิดประตูแล้วเดินตามหลังตนขึ้นลิฟต์แล้วเข้าห้องไปก่อเหตุตามกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะที่ น.ส.หมวยเดินเข้าคอนโดจนกระทั่งถึงห้องได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เพื่อนชายของตนเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลา เนื่องจากได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์มือถือ
จากการสอบถาม น.ส.หมวยกล่าวว่า จากข่าวที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ตนขอยืนยันว่าไม่เคยคิดที่จะคบกับนายเฟียส ตนไม่เคยเป็นแฟนเก่ากับเขา ตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเขามานานกว่า 6 เดือน จู่ๆ มาทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งมันไม่น่ามาเกิดเรื่องแบบนี้กับตน ตนไว้ใจและคิดว่าเขาทำงานตรงนี้น่าจะดูแลเราได้ แต่ทำไมมาทำแบบนี้ ไม่โอเคมากๆ ช่วงที่ตนมาอยู่นี่แรกๆ เขามาจีบตน แต่ตนไม่รู้ว่าเขามีครอบครัวแล้ว ตนเลยคุยกับเขา และแฟนเขาทักมาหาตน ตนเลยเลิกยุ่งตั้งแต่วันนั้น หลังจากที่ข่าวออกไปก็รู้สึกแย่ มันมีคอมเมนต์ที่โจมตีตน หลังจากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมายต่อไป ตนเจอกับแฟนเขาบ่อยเพราะแฟนเขาชอบมานั่งเฝ้าที่นี่ แต่ตนก็ไม่สนใจเพราะตนไม่ได้ยุ่งแล้ว ยังทักทายกันปกติ ตนก็บริสุทธิ์ใจเพราะตนไม่ได้ยุ่งแล้ว และทำไมเขาถึงออกมาให้ข่าวแบบนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดตนสอบปากคำอีกครั้งในอาทิตย์นี้ ตอนนี้ทั้งความรู้สึกและจิตใจย่ำแย่มากเครียดจนไม่อยากออกไปพบเจอใคร
น.ส.สุนันทา (พี่สาวของผู้เสียหาย) กล่าวว่า ตนไม่ได้เสพข่าวที่ออกมาเลย หลังจากที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ถึงน้องสาวตน รู้สึกแย่มาก ไม่โอเค ในส่วนของตนขอพูดเลยว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยมีสัมพันธ์กับผู้ชาย เขาเข้ามาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เข้ามาในห้อง ด้วยความที่สนิทกันเลยดูว่าไม่ขัดขืน ตอนนั้นน้องสาวตนเล่นมือถือเพราะกำลังพิมพ์บอกเพื่อนว่าผู้ชายขึ้นมาด้วยทำยังไงดี และร้องขอให้ช่วย ถ้าน้องสาวตนไม่ได้ร้องขอให้ช่วยคงไม่มีลูกบ้านคนอื่นเปิดประตูให้เพื่อนเข้ามาช่วย ผู้ชายคู่กรณีจริงๆ แล้วเขาเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาดี มีน้ำใจ ทำงานดี เราไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ รู้จักกันเป็นเพื่อน เป็นพี่ ตั้งแต่มาอยู่ก็สนิทกันถึงขั้นมึงกูได้ แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับตน ตนเคยให้เขาขึ้นมาซ่อมฝักบัวในห้องครั้งนึง ตนไม่โอเค แต่คนที่เครียดคือน้องสาวของตนและอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนยืนยัน และให้ข้อมูลกับตำรวจพร้อมกล้องวงจรปิดว่าจุดไหนบ้าง น้องสาวตนทำคีย์การ์ดหายมันพวงเดียวกันกับกุญแจเลยให้เขามาเปิดประตูทางเข้าคอนโดไม่ใช่ประตูห้อง แต่พอเปิดเสร็จก็เดินตามมา
โดยน้องตนก็ถามทำไมพี่ไม่ทำงาน เขาตอบกลับว่างานไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ และเดินตามมา ตนไม่ใช้คำว่าโกรธ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ทั้งที่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ตอนแรกตนคิดว่าจะไกล่เกลี่ยเพราะหัวหน้าเขาบอกสงสารครอบครัวเขา แต่พอเขาออกมาให้ข่าวตนเลยไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว และไม่ยอม เขาบอกว่ามีหลักฐาน ว่าน้องตนเป็นชู้สาว แต่หลังเกิดเหตุที่เขาทักมาขอโทษตนก็มี ว่ากันไปตามกฎหมาย รอให้ตำรวจนัด ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้ผู้ชายพูดถึงวันที่เกิดเหตุมากกว่ามาพูดว่ามีอะไรกับพี่สาว เราไว้ใจเขาถึงได้ให้ขึ้นมาในห้องเพื่อให้อาหารปลาเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงหยุดยาวแค่ช่วงนั้น ตอนนี้กลายเป็นกระแสโจมตีฝั่งตนว่าให้การเท็จ ใครที่ไม่รู้ข้อมูลจริงก็อยากให้อยู่เฉยอย่าออกความคิดเห็น เพราะคนที่รู้จริงๆ มีแต่ตัวเขาและตนกับน้องสาวของตน เค้าเป็นคนบอกน้องสาวของตนเองว่าไม่มีลูกมีเมียถึงได้มีการพูดคุยและจีบกัน หลังจากที่เมียเขาจับได้ก็เลิกติดต่อกันไป ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของน้องจะต้องรอไปสอบปากคำอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะส่งตัวน้องสาวไปหรือไม่