ปลัดอำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ปลอมตัว แฝงตัวเข้าไปในขบวนการลอบขนต่างด้าว จนสามารถจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวได้ทั้งคนนำทาง ผู้ขน ก่อนออกเชียงใหม่ และต่างด้าวอีก 16 ราย พบหัวหน้าขบวนการเคยมีประวัติลอบขนต่างด้าวมานานและหลุดรอดไปได้ทุกครั้ง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ต.อ.สมบัติ แสงสว่าง ผกก.สภ.ปางมะผ้า อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานการจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ว่าเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.40 น. โดยการอำนวยการของ พ.อ.วรเทพ บุญญะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด นายอเนก ปันทะยม นายอำเภอปางมะผ้า, พ.ต.อ.สมบัติ แสงสว่าง ผกก.สภ.ปางมะผ้า, พ.ต.ท.ธวัชชัย สุรินทร์ต๊ะ ผบ.ร้อย ตชด.336, ว่าที่ พ.ต.ต.วิชัย ปันนา สว.ตม.จว.แม่ฮ่องสอน, ร.อ.วิริทธิ์พล ผบ.ร้อย ร.1742 ทราบข่าวจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จากพื้นที่ อ.ปางมะผ้า ไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทาง อ.ปางมะผ้า-อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน-อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จึงได้มีการวางแผนโดยให้ปลัดอำเภอปางมะผ้าปลอมตัวเข้าไปในขบวนการขนแรงงานต่างด้าว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการประสานจากสายลับว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างให้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.แม่ฮ่องสอนทราบ เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเพื่อทำการจับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าว โดยให้สายลับอำพรางตัวรับแรงงานต่างด้าวบริเวณในป่า เขตหมู่บ้านไม้ซางหนาม หมู่ 7 ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามสายลับจากบริเวณสามแยกน้ำของหมู่ 7 ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า ไปจนถึงก่อนถึงจุดชมวิวลุกข้าวหลาม ต.ปางมะผ้า อ.ปางมะผ้า ประมาณ 3 กม. เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบบุคคลทั้งหมด จำนวน 16 ราย พบว่าบุคคลจำนวนดังกล่าวไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัวบุคคลสัญชาติไทย หรือเอกสารประจำตัวอื่นใดได้ และรับว่าพวกตนเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เดินทางจากเมืองปางโหลง ประเทศเมียนมา ได้ลักลอบเข้ามายังประเทศไทยโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อจะเดินทางเข้าไปทำงานในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยได้จ่ายค่าจ้างเป็นเงินประมาณคนละ 20,000-25,000 บาท แก่นายหน้า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุมบุคคลต่างด้าว จำนวน 16 ราย โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ”
ดังนั้น จึงได้ทำการขยายผลโดยให้เจ้าหน้าที่อำพรางเป็นบุคคลต่างด้าวโดยสารไปกับรถของสายลับ เมื่อไปถึงพื้นที่บ้านแม่หมู หมู่ 8 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า ได้มีชายยืนรอรถอยู่ริมถนนภายในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และทราบชื่อภายหลังว่าชายดังกล่าวชื่อ นายทุน ไม่มีชื่อสกุล อายุ 50 ปี อ้างว่าตนถือบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน บุคคลดังกล่าวยังรับว่าตนเองทำหน้าที่เป็นผู้เดินนำทางให้กับแรงงานต่างด้าว โดยใช้เส้นทางจากพื้นที่บ้านแม่หมู เพื่อเลี่ยงการผ่านจุดตรวจผามอน ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า โดยได้มีการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ของตนเองกับสายลับ ทั้งนี้ นายทุนได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 500 บาทต่อต่างด้าว 1 คน และจะได้รับค่าจ้างหลังจากตนได้นำแรงงานต่างด้าวไปส่งยังที่หมายสำเร็จแล้ว หัวหน้าขบวนการคือ นางทวย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นผู้มีประวัติเป็นหัวหน้าขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายรายใหญ่ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นผู้ว่าจ้างให้ขนต่างด้าวทุกครั้ง
ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้อำพรางตัวเป็นบุคคลต่างด้าวไปซุ่มตัวบริเวณห่างจากจุดตรวจด่านผามอน ประมาณ 500 เมตร (เส้นทางไป อ.ปาย) เพื่อไปทำการจับกุมกลุ่มขบวนการอีกทอดหนึ่งจนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.ของวันที่ 31 ส.ค. ได้มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ยค 1521 ชลบุรี มาจอดบริเวณจุดนัดหมาย เจ้าหน้าที่จึงออกจากที่ซ่อนและขอทำการตรวจค้น จากการตรวจสอบผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวทราบชื่อว่า นายวิชัย ธรรมขึ้น อายุ 42 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 51/5 ถนนชำนาญสถิต ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และมี นายสาม บุญคำอ่อง อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 64/5 หมู่ 3 ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยสารมาข้างคนขับ นายวิชัยรับกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนและนายสามได้รับการติดต่อจากนางทวยทางโทรศัพท์ให้มารับบุคคลต่างด้าว โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 500 บาทต่อต่างด้าว 1 คน เจ้าหน้าที่ได้แสดงภาพถ่ายของ นางทวยให้นายวิชัยดู นายวิชัยรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับที่ประสานงานกับตนจริง และจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของนายสามยังพบว่ามีการติดต่อกับนางทวยเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหานายวิชัยนายสาม และนายวิชัยให้การเพิ่มเติมว่าตนได้รับการว่าจ้างให้นำบุคคลต่างด้าวไปส่งยังพื้นที่ อ.ปาย เจ้าหน้าที่จึงได้อำพรางตัวเป็นบุคคลต่างด้าวเพื่อไปทำการจับกุมกลุ่มขบวนการอีกทอดหนึ่ง แต่ระหว่างควบคุมตัวนายวิชัยนั้น นางทวยได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม นายวิชัยได้แจ้งแก่นางทวยว่าตนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมแล้วและให้นางทวยหนีไป ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าวเพิ่มเติมได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.ปางมะผ้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป