ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหลุ่งตะเคียนและบ้านตะเคียนทอง ต.หลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อทวงคืนพื้นที่โบราณสถานบ้านหลุ่งตะเคียนอายุกว่า 1,000 ปี และให้มีการตรวจสอบ ที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาท ที่ได้เข้าทำการบุกรุกพื้นที่โดยรอบโบราณสถานบ้านหลุ่งตะเคียน ที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้แล้วครอบคลุมพื้นที่ 97 ไร่ มีการสร้างอาคารค่อมทับตัวปราสาทจนได้รับความเสียหาย ซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยงานราชการทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัดเดินทางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งอธิบดีกรมศิลปากรได้มีหนังสือคำสั่งให้ที่พักสงฆ์ที่บุกรุกให้รื้อย้ายออกจากพื้นที่โบราณสถาน แต่ทางที่พักสงฆ์ได้อ้างเอกสารสิทธิ สค.1 ในการเข้าใช้พื้นที่และไม่ยินยอมในการย้ายออก ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวบ้านและทางที่พักสงฆ์ และมีคดีฟ้องกันตามมาอีกหลายคดี
ล่าสุด นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ 10 นคราชสีมา กรมที่ดิน สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธรรมยุต) และฝ่ายปกครองอำเภอห้วยแถลง ได้ลงพื้นที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยจากการพูดคุยกับตัวแทนชาวบ้านและตัวแทนที่พักสงฆ์ โดยทางจังหวัดได้ขอเป็นคนกลาง ยื่นข้อเสนอให้มีการพูดคุยไกล่เกลี่ย ถอยคนล่ะก้าว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ซึ่งจากการพูดคุยทางที่พักสงฆ์ยังคงไม่ยอมรื้อย้ายออกไปเพราะมั่นใจว่าทำถูกต้องตามเอกสารสิทธิที่ได้เข้ามาครอบครองอยู่ก่อน และทางตัวแทนชาวบ้านก็ต้องการให้การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีการเข้ามาปลูกสร้างอาคารค่อมทับตัวปราสาท ทำให้โบราณสถานเสื่อมค่า และนอกจากนี้ ยังมีสิ่งของโบราณที่ตัวปราสาทสูญหายไปหลายรายการ ทำให้เรื่องการบุกรุกพื้นที่โบราณสถานของที่พักสงฆ์โคกปราสาท ต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
