‘ชาวชัยนาท’ ขอพร้อมไว้ก่อน เร่งสร้างเพิงพักริมถนน รับท่วม หลัง ‘เขื่อนเจ้าพระยา’ แจ้งระบายเพิ่ม
เมื่อวันที่ 24กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่าน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ วัดได้ในอัตรา 1,964 ลบ.ม./วินาที และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้อีก จากปริมาณน้ำฝนจากทางตอนบนประเทศ โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +16.33 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.ทรก.)
โดยเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้คงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 1,989 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 7 เพื่อรักษาสมดุลย์ของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และบรรเทาความเดือดร้อน ในพื้นที่ลุ่มต่ำที่กำลังถูกน้ำท่วม ซึ่งจากการระบายน้ำในเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนคงตัว
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วัดได้ +14.45 ม.ทรก. ต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 1.89 ม.ทรก. โดยประชาชนที่มีบ้านอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ ต.หาดอาษา ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ไม่สามารถไว้วางใจสถานการณ์ได้ ชาวบ้านต่างเตรียมเรือ กรอกกระสอบทราย และยกของขึ้นที่สูง รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำเครื่องจักรมาก่อคันดินกั้นน้ำ รวมถึงชาวบ้านจำนวนมากที่ขึ้นมาปักป้าย กั้นเชือกและเริ่มสร้างเพิงพักชั่วคราว เพื่อใช้เป็นที่อาศัยหลับนอน เตรียมรับมือกรณีน้ำเอ่อล้นตลิ่งไว้แล้วหลายจุด บนถนนคันคลองมหาราช
ซึ่งจากที่เขื่อนเจ้าพระยาคงระบายน้ำในอัตรา 1,989ลบ.ม./วิต่อเนื่องมาเป็นวันที่7 จะส่งผลดีต่อพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไปถึง จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่จะมีระดับน้ำที่คงตัว หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มจากสถานการณ์น้ำปัจจุบัน หน่วยงานราชการ ขอให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว ได้เฝ้าระวังและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากช่วงวันที่ 25-29 กันยายน จะมีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของประเทศ จากร่องมรสุม และอิทธิพลของ “พายุโนรู” ซึ่งจะส่งผลถึงการปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา โดยล่าสุดแจ้งว่าระหว่างวันที่ 25-27กันยายนนี้ จะมีการปรับเพิ่มการระบายขึ้นไปที่ 2,200-2,300ลบ.ม./วิ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้นอีก 30-50 ซม. และจะเริ่มส่งผลกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติม ได้แก่ อ.อินทร์บุรี อ.เมืองสิงห์บุรี และ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อ.ไชโย จ.อ่างทอง จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ จึงขอให้พื้นที่น้ำท่วมเดิม และพื้นที่ตามประกาศใหม่เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
