ลูกสาว เปิดใจทั้งน้ำตา เหตุแจ้งความพ่อ ขโมยแมวไปปล่อยจนถูกรถชนตาย ยันไม่ได้ทิ้งแค่ฝากเลี้ยง
จากกรณี ลูกสาวแจ้งความจับพ่อ หลังจากที่พ่อนำแมวสุดที่รักไปทิ้ง จนถูกรถชนตาย โดยยืนยันว่าจะเอาผิดเพื่อให้พ่อได้รับบทเรียน ขณะที่พ่อเล่าทั้งน้ำตาว่า ไม่ได้ตั้งใจทำให้แมวตายนั้น
อ่านเพิ่มเติม ลูกสาวแจ้งความพ่อ ขโมยแมวสุดที่รักไปปล่อยทิ้ง สุดท้ายถูกรถชนตาย ยันอยากให้รับโทษเป็นบทเรียน
เมื่อวันที่ 25 กันยายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.เม (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าตนไม่ได้อยู่กับพ่อและแม่ซึ่งออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว ที่ออกมาอยู่คนเดียวเพราะทนพ่อที่มีอารมณ์โมโหร้ายชอบพูดจาหยาบคาย ไม่ได้ โดยไม่มีการติดต่อหรือพูดคุยกับพ่อเลย แต่แม่ยังพูดคุยอยู่ ก่อนที่เกิดเหตุ ตนมีธุระที่ต้องไปกรุงเทพฯ เลยทิ้งน้องแมว พร้อมพวกกระบะทรายฝากไว้กับแม่ ส่วนน้องเป็นแมวที่ไม่ขี้เลอะเทอะและเลี้ยงอยู่นอกบ้าน
น.ส.เมกล่าวต่อว่า ส่วนวันเกิดเหตุนั้น ที่บ้านจะเลี้ยงกระต่ายไว้ในบ้าน ส่วนแมวจะอยู่นอกบ้าน ซึ่งวันที่เกิดเหตุมีฝนตกฟ้าร้องดัง กระต่ายคงตกใจวิ่งไปมาในบ้านทั้งคืน พอเช้ามากระต่ายก็ตาย แล้วก็มาโทษว่าสาเหตุจากแมวของตน ซึ่งมันจะเป็นเพราะแมวได้ยังไง กระต่ายเลี้ยงอยู่ในบ้าน แมวอยู่ในกรงนอกบ้าน ก็ไม่มีใครบอกให้ตนมาเอาแมวกลับไปนะ แต่ผ่านไปวันหนึ่ง แม่บอกให้ดูโลเกชั่นของแมวว่าอยู่ไหน ตนก็ดูให้ เพราะได้ติดแอร์แท็กไว้ที่คอแมว เมื่อดูพบว่าอยู่อีกซอยที่ไม่ใช่ซอยบ้าน ก็สงสัยว่าแมวไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร ปกติน้องเป็นแมวของตนกลัวคนและก็ไม่เคยวิ่งไปไหนไกล
น.ส. เมกล่าวต่อว่า ซึ่งตนกับแม่ก็วิ่งไปดูตำแหน่งที่จุดสุดท้ายที่แสดง ซึ่งก็ได้ถามพ่อว่าเห็นแมวหรือไม่ พ่อก็บอกไม่เห็น ตนกับแม่ก็หาตรงที่แสดงครั้งสุดท้ายแต่ก็หาไม่เจอ แม่ก็บอกพรุ่งนี้ค่อยมาหาวันนี้มันมืดแล้ว แมวอาจจะหลบพวกหมาอยู่ เพื่อนก็บอกว่าลองโพสต์ตามหาในพัทยาทอล์คเผื่อจะมีคนเห็น ซึ่งก็มีคนแท็กในคอมเมนต์ว่าใช่แมวตัวนี้ไหม ซึ่งก็ใช่แมวตนจริงๆ ตนได้ติดต่อคนโพสต์ไป และได้ถามคนโพสต์ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง เขาก็บอกว่าตอนเที่ยงกำลังขายของอยู่ที่ร้านได้ยินหมาเห่า แล้วเขาก็ดูพบว่าหมากำลังไล่กัดแมวอยู่ เขาก็ให้แฟนเขาไปเอาแมวมา
“แต่ในเวลานั้นมีรถพ่วงข้างมาแล้วบอกว่าเป็นแมวเขา พี่เขาก็สงสัย แต่ก็ให้รถพ่วงข้างไป พี่เขายังบอกรถพ่วงข้างว่าเอาแมวใส่แบบนั้นได้ไง เดี๋ยวน้องก็กระโดดออก เขาก็ไม่สนใจขับรถออกไปได้แป๊บเดียวก็มีเสียงร้อง พี่เขาก็ไปดูพบว่าแมวกระโดดออกจากรถพ่วงข้างแล้ว โดนรถชน ตอนนั้น น้องยังไม่ตายแต่หลบไปอยู่ใต้ท้องรถ พี่เขาก็ไปเอาน้องออกมา เขาก็วนรถกลับมาแล้วเอาแมวขึ้นรถ ชาวบ้านแถวนั้น ก็สงสัยว่าไม่ใช่เจ้าของแมวแน่ๆ เพราะไม่มีอาการเสียใจเลย และก็มีพี่คนหนึ่งขี่รถตามก็พบว่าเขาเอาแมวไปโยนทิ้งที่โพรงหญ้าที่จุดสุดท้ายที่จีพีเอสแสดง ซึ่งพวกพี่เขาก็พยายามปั๊มหัวใจแต่ช่วยไม่ได้” น.ส.เมกล่าว
น.ส.เมกล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ตนไปดูศพที่คอแมวไม่มีแอร์แท็กแล้ว ตนก็ไม่ทราบว่ารถพ่วงข้างเป็นของใคร ต่อมาทางแม่ได้โทรมาบอกว่าพ่อรับสารภาพว่าเป็นคนเอาแมวไปปล่อยวัดมันเลยโดนรถชนตาย จากนั้นพ่อยังสารภาพกับน้องว่าพ่อเป็นคนเอาแอร์แท็กไปทิ้งน้ำ ซึ่งตนคิดว่าพ่อน่าจะเอาแมวไปหาหมอก่อนหรือไม่ ก็มาบอกตนว่าแมวตายแล้วนะ พ่อน่าจะมีความคิดความรู้สึกตอนที่ตนถามเห็นแมวไหม เขาตอบว่าไม่เห็น ซึ่งตนถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น พ่อตอบเพียงว่าเขาแค่จะเอาแมวไปปล่อยวัด แต่แมวมาถูกรถชนตาย เขาไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งตนก็บอกว่าทำไมไม่บอก ว่าไม่เลี้ยง ตนก็จะไปเอาแมวมาเองก็เท่านั้น
“ส่วนที่หนูไปแจ้งความ ก็เพราะว่า หนูอยากให้เขารู้ในสิทธิของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เป็นพ่อแม่แล้วทำอะไรก็ได้ ซึ่งหนูไม่ได้ทิ้งแมวให้เขา หนูแค่เอาไปฝากเขาเลี้ยงก่อนเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างในบ้านแม่ก็เป็นคนออก หนูก็พูดคุยกับแม่แม่ก็เข้าใจ แต่กับพ่อเวลาพูดคุยเขาชอบพูดคำหยาบใส่หนู ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บางละมุง ซึ่งทางร้อยเวรบอกว่าหนูแจ้งเองไม่ได้ ต้องให้ทาง Whatdog เป็นคนแจ้งคนดำเนินการ” น.ส.เมกล่าว
ด้านนายไพศาล พ่อที่ถูกลูกสาวแจ้งความได้ชี้แจงว่า ตนมีอาชีพขายลูกชิ้น โดยลูกสาวได้นำแมวมาฝากเลี้ยง แมวตัวนี้จะคอยรบกวนขณะทำลูกชิ้น แมวก็จะมากัดลูกชิ้นหลายครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็ขายของแย่ ทุนก็ไม่มี เมื่อแมวมากัดลูกชิ้น ก็เลยโมโห จึงจะเอาไปปล่อย โดยขับซาเล้ง ซึ่งแมวได้โดดลงจากรถไป ถูกรถจักรยานยนต์ชน แล้ววิ่งหนีข้างทาง ตนก็เลี้ยวรถไปเอาพอใส่รถอีกที แมวก็กระโดดอีกครั้งโดนรถชนอีกครั้ง ซึ่งคนก็ช่วยกันบอกให้พาหาหมอ ก็จะเอาไปหาหมอแต่แมวก็เสียชีวิต จึงได้เอาไปทิ้งข้างทาง ไม่กล้าเอากลับมาบ้านก็กลัวเมียและลูกด่า
“จากนั้นลูกทราบเรื่องก็มาต่อว่า ก่อนที่จะไปแจ้งความ ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจเพราะลูกที่เราเลี้ยงมา มาเอาเรื่องกับเรา ก็เสียใจแต่ก็ไม่โกรธเขาจะเอาเรื่องเราก็ช่างเขา” นายไพศาลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายไพศาลพูดคุยกับนักข่าวนั้น ทางแม่ก็ได้ตะโกนมาว่า “จะพูดไรก็คิดถึงจิตใจลูกบ้าง”
