แม่น้องโชค เหยื่อเพื่อน ม.3 ปืนลั่น ดูภาพจากกล้องรอบ 2 คลิปขาดหาย หวั่นเรื่องเงียบผู้ก่อเหตุได้ใจ

แม่น้องโชค เหยื่อเพื่อนทำปืนลั่น ยังคาใจภาพกล้องวงจรปิด คลิปภาพยังขาดหาย เตรียมขอดูต้นฉบับ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย น.ส.ปวีณา งามสุด แม่ของ ด.ช.นพศิลป์ งามสุด หรือ โชค ผู้เสียชีวิตจากการที่ ด.ช.ต้าทำปืนลั่นใส่เสียชีวิตที่ห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนวัดลาดปลาดุก นางนันท์ภัส ชโยด ยาย และ น.ส.วรรณพร งามสุด น้าน้องโชค เดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อขอดูคลิปจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีและผู้กำกับ สภ.บางบัวทอง ได้เปิดคลิปให้ครอบครัวดู แต่ห้วงเวลาหายไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ญาติและทนายยังติดใจสงสัยว่าห้วงเวลาดังกล่าวตัดหายไปไหน โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดหมายทนายความและครอบครัวน้องโชคเข้ามาดูวงจรปิดอีกครั้ง เพื่อให้คลายข้อสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต

น.ส.ปวีณาเปิดเผยว่า หลังดูกล้องวงจรปิดรอบที่ 2 จากที่ดูกล้องเพิ่มเติม เวลาในกล้องยังหายไป ถามว่าพอใจไหมคงต้องหาความจริงมากกว่านี้ ส่วนเรื่องบทลงโทษแม่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่อยากให้ความจริงปรากฏว่าเป็นการเจตนาจริง หรือประมาท ถ้าความจริงกระจ่างเมื่อไหร่จึงจะเผาร่างลูกชาย

น.ส.ปวีณากล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันหาความจริง และให้ความยุติธรรมกับครอบครัว คดีนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และไม่เคยคาด ถ้าเรื่องเงียบไปเยาวชนที่ก่อเหตุจะได้ใจ ส่วนพ่อแม่คู่กรณีก็เงียบหายไปตั้งแต่วันที่มาขอขมา ไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย

(ชมคลิป)

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทนายโป้งกล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ที่แจ้งไว้คราวที่แล้วว่าระยะเวลาที่ดูกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนขาดหายไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ผู้กำกับได้ประสานมาว่าเจอกล้องวงจรปิดดังกล่าวแล้ว จึงได้ประสานทนายกับครอบครัวมาดู หลังเราดูกล้องวงจรปิดหมดแล้วเป็นช่วงตอนกลางวัน ระยะเวลาที่หายไปเป็นหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะเดินขึ้นอาคารแล้วเข้าไปในห้องเรียน 10 นาที และที่อยู่ในห้องเรียนอีก 1 ชั่วโมง ระยะทางที่เดินมาห้องคอมพิวเตอร์ 10 นาที รวมเป็น 1 ชั่วโมง 20 นาที เพราะฉะนั้นเวลายังขาดหายอยู่

ทนายโป้งกล่าวว่า จากการสอบถามท่านบอกว่าได้นำข้อมูลวงจรปิดทั้งหมดมาแล้ว แต่วันนี้ที่เอามาให้ดูให้เห็นพฤติกรรมของแค่ 2 คน คือผู้เสียชีวิตกับคู่กรณีว่าอยู่ด้วยกันแบบไหน อย่างไร ส่วนที่ไม่มีภาพของ 2 คนได้ตัดออกไป แต่ที่ตนขอคืออยากให้ผู้กำกับนำภาพก่อนจะเข้าห้องเรียน 10 นาที ส่วนที่อยู่ในห้องเรียนจะไม่มีกล้องวงจรปิดก็ไม่เป็นไร ให้สอบปากคำพยานบุคคลไป

ทนายโป้งกล่าวว่า หลังออกจากห้องมาถึงห้องคอมพิวเตอร์ที่เกิดเหตุอีก 10 นาที ช่วงเวลาเวลาตรงนี้อย่างน้อย 20 นาที จะต้องมีกล้องวงจรปิดเห็นเขา 2 คนเดินเข้าห้องเรียน เห็นเขาสองคนเดินออกจากห้องเรียน เพื่อไปห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ผู้กำกับรับปากว่าจะให้ฝ่ายสืบสวนดึงภาพตรงนี้ออกมาทั้งหมด เพราะตอนนี้ทางโรงเรียนได้ส่งไฟล์เซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียนมาให้ตำรวจหมดแล้ว เพียงแต่ว่าท่านบอกว่าตัดให้ดูเป็นช่วงๆ หลังจากนี้จะเอาคลิปเต็มทั้งหมดเดี๋ยวคงต้องประสานกันอีกครั้งว่าจะใช้เวลากี่วันเพื่อจะนัดมาดู

ทนายโป้งกล่าวด้วยว่า ทางเราจะเลือกดูเอง ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดมา ตามที่อยากให้ดู เราอยากดูทั้งหมด จะได้หายข้องใจว่ามีเหตุจูงใจอะไรที่ทำแบบนี้ สิ่งที่เราต้องการตอนนี้คืออยากฝากพนักงานสอบสวนให้เรียกผู้เชี่ยวชาญภาษากาย เพราะจากที่ดูคลิปจะเห็นว่าน้องคู่กรณีถือปืนมือขวา และมีเสื้อกันหนาวคลุมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ แล้วเกิดลั่นไกปืน

ทนายโป้งกล่าวว่า ในส่วนของคดีวันนี้ให้เปอร์เซ็นต์แค่ 50 อย่างที่เรียนให้ทราบเบื้องต้นคือขอดูคลิป 1 ชั่วโมง 30 นาที วันนี้เราได้ดูแค่ 10 นาที อีก 1 ชั่วโมง 20 นาทีหายไป 1 ชั่วโมงก็คือในห้องเรียน ไม่มีวงจรปิด ไม่ติดใจ จากโรงอาหารมาถึงห้องเรียน 10 นาที จากห้องหน้าที่พลเมืองไปถึงห้องคอมพิวเตอร์อีก 10 นาที รวมเป็น 20 นาที

“20 นาทีดังกล่าวต้องเห็นกล้องวงจรปิด 2 คนนี้ที่อยู่ด้วยกัน มีความสงสัยอยู่ว่าปิดบังทำไม ตรงนี้เป็นช่วงสำคัญ เป็นเวลากระชั้นชิดที่สุดก่อนเกิดเหตุ ด้วยพฤติกรรมที่เห็นจากหน้าห้องคอมพิวเตอร์ยิ่งสงสัยว่าน้องคู่กรณีใช้มือขวาถือปืน หากบอกว่าปืนสะบัดก็ค่อนข้างจะไม่ใช่ เพราะทุกคนในห้องเห็นภาพเดียวกันว่าน้องคู่กรณีใช้มือขวาถือปืน ขึ้นลำไว้แล้ว ถ้ามีการเหนี่ยวไกปืนก็จะมีกระสุนออกมาทันที เบื้องต้นน่าจะเป็นการเล็งเห็นผล ผู้กำกับบอกว่าเห็นด้วยว่าย่อมเล็งเห็นผล อาจจะต้องมีข้อหาเพิ่ม

“การที่คุณขึ้นลำปืนไว้ หมายถึงพร้อมเหนี่ยวไกเมื่อไหร่ กระสุนออกลำกล้องทันที เบื้องต้นตั้งเป็นอุบัติเหตุไว้ก่อน แต่ผมชี้ชัดแล้วว่าพนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อหาย่อมเล็งเห็นผล หลังจากนี้จะให้คุณแม่ลองประสานทางโรงเรียนว่ามีกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมมากกว่านี้หรือไม่ เพื่อให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายว่ากล้องมีเท่านี้จริงๆ เราจะได้ยอมรับว่าหลักฐานมีแค่นี้” ทนายโป้งกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image