เปิดใจเจ้าอาวาสวัดดัง ตะโกนลั่น เผยมีเหตุต้องระเบิดอารมณ์ เอาผิดคนปล่อยคลิป

เปิดใจเจ้าอาวาสที่ถูกกล่าวหาว่าคลั่ง พร้อมเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่คลิป และผู้นำเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง

จากกรณีที่ในโลกโซเชียลมีการนำเสนอคลิปเสียงเสียงหนึ่ง ที่อยู่ภายในวันแห่งหนึ่งใน อ.ประจันตคาม โดยในคลิปดังกล่าวมีเสียงโวยวายครวญครางเหมือนคนคลั่งไร้สติ ซึ่งเสียงดังกล่าวถูกบันทึกเป็นภาพวิดีโอ และมีการแพร่ภาพอยู่ในโลกโซเชียลจนเป็นกระแส เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวคือเจ้าอาวาสวัดทับช้างซึ่งอยู่ใน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ พระครูกิตติสารประสิทธิ์ (โกศล กิตติสาโร) เจ้าอาวาสวัดทับช้างและเจ้าคณะตำบลประจันตคาม โดยเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจาก เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.65 ที่ผ่านมา มีงานหล่อหลวงปู่ทวด ที่บริเวณหน้าวัดเขาจัดงานทั้งหมดสามวัน คือ 16-18 ซึ่งพระที่เป็นผู้ดําเนินการคือพระชัยวัฒน์ พยัคฆ์วัฒโน ก็คือพระลูกวัดของวัดทับช้าง ในการก่อสร้าง ทุกอย่างความรับผิดชอบเองทั้งหมด ซึ่งเขาก็มาขออนุญาตทุกอย่าง แล้ววันศุกร์ อาตมาก็ไปเป็นประธานในการเทปูน หล่อหลวงปู่ทวด ส่วนวันเสาร์ เขาเข้าสวดกันเอง แต่วันอาทิตย์ เขาก็จะนิมนต์ให้พระทั้งวัด ซึ่งมีอยู่ 6 รูป ไปฉันเพลที่บริเวณพิธี

Advertisement

แต่บังเอิญว่าเมื่อคืนวันเสาร์นั้น อาตมาจําวัดไม่ได้ก็คือนอนไม่หลับจนถึงตีห้า ตีสี่ ตีห้า มันก็ปวดหัว ลุกขึ้นมา ก็เลยบอกพระที่วัดว่า ไปบอกพระแมนให้หน่อยนะ ผมไปไม่ไหวน่ะ ผมปวดหัว วันนั้นก็ผ่านไป เขามีอะไร เขาก็ทําพิธีไป พอตกเช้าวันจันทร์ที่ 19 ก.ย. แต่เช้าเลยก็มีคณะกรรมการวัดคนหนึ่ง ก็คงไม่ขอเอ่ยนาม ได้ส่งข้อความทางแอพพลิเคชั่นไลน์ มาต่อว่าอาตมาว่า ท่านเป็นถึงเจ้าอาวาส ท่านเป็นถึงเจ้าอาวาสตําบล

ทําไมท่านไม่ลงมาต้อนรับ ระดับเจ้าคุณ พระระดับเจ้าคณะอําเภอ แล้วก็มีข้อความว่าดูทั้งหมด อาตมาอ่านแค่นี้ก็ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว มันคือการต่อว่าเราทั้งหมด นั่นแหละคือต้นเหตุ แล้วสําหรับคนคนนี้นั้น ไม่เคยให้เกียรติอาตมาเลยแทบทุกเรื่อง

ในที่ประชุมก็ตำหนิ ต่อหน้าที่ประชุมเยอะเยอะน่ะ พอเขาส่ง แอพพลิเคชั่นไลน์มาในวันนั้น นั่นแหละคือตัวจุดประเด็น จากความสะสม หลายครั้งหลายหนที่ผ่านมามันก็เหมือนลูกโป่งที่มันลมกําลังจะเต็ม แล้วพอได้เห็นลายก็คือระเบิด ก็เลยระบายอารมณ์ในช่วงประมาณบ่ายสองโมงของวันที่ 19 ก.ย. ก็ไม่ใช่เครียดแต่ว่ามันรู้สึกว่ามันมากเกินไป

Advertisement

พระครูกิตติสารประสิทธิ์ยังกล่าวว่า ส่วนในเรื่องที่กล่าวหาว่าตนเคยผูกคอตายเป็นเรื่องจริงไหม ตนตอบตามตรงว่าจริง ส่วนที่เกิดเหตุนั้นเท้าความก็คือว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน ปี’64 ทางอาตมาได้ไปยังโรงพยาบาลศูนย์พระเทพที่อำเภอองครักษ์จังหวัดนครนายกเพื่อจะนำพินัยกรรมไปมอบให้แพทย์เพราะว่าอาตมาได้ตั้งใจบริจาคร่างกายให้เป็นอาจารย์ใหญ่หลังจากเสร็จสิ้นการมอบ

จนกลับมาถึงวัดอาตมามีความรู้สึกว่าแขนขาอ่อนแรงและไม่สามารถคุมตัวเองได้มารู้ตัวอีกทีก็ทราบว่าตัวเองผูกคอกับต้นไม้เกือบเสียชีวิตไปแล้ว จนทำให้อาตมาต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรประมาณ 2-3 วันจึงฟื้นคืนสติ และโดยปกติทั่วไปแล้วคนที่ฆ่าตัวตายและไม่ตายต้องไปพบและปรึกษาจิตเวชเท่านั้น

โดยทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาภูเบศรได้แจ้งอาการของตนว่าไม่ได้เกิดจากการป่วยทางจิตตนจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลจิตเวชที่อยู่จังหวัดสระแก้วโดยคุณหมอสันนิษฐานวินิจฉัยโรคว่าอาตมามีความผิดปกติคือสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติจึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว โดยตนก็รักษาอย่างต่อเนื่องและหมอนัดอีกครั้งในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

นายโกวิทย์ อาตวงศ์ อายุ 55 ปี เป็นลูกศิษย์และช่างประจำวัดที่ทำงานกับหลวงพ่อมากกว่า 2 ปี ได้เผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าปกตินิสัยใจคอของเจ้าอาวาสนั้นจะมีนิสัยพูดจาโผงผางเสียงดัง โดยวันที่เกิดเหตุตามในคลิปนั้นตนพอทราบเรื่องได้แค่ว่า ท่านเจ้าอาวาสนั้นถูกต่อว่าโดยคณะกรรมการท่านหนึ่ง ท่านเลยมาระบายให้ตนฟัง 2 คน แต่ด้วยท่าทีที่ท่านขึงขังโผงผางและเสียงดัง จึงทำให้ภาพที่ออกจากคลิปนั้นคล้ายกับว่ามีความรุนแรง ซึ่งตนยืนยันว่าเป็นการระบายพูดคุยกับตนเพียงเท่านั้น

เบื้องต้นทางเจ้าอาวาสได้ลงบันทึกประจำวัน แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ประจันตคาม เพื่อดำเนินคดีผู้ที่นำคลิปออกไปเผยแพร่ และสำนักข่าวที่นำเสนอข่าวตนโดยไม่ได้ฟังความทั้ง 2 ข้างโดยจะแจ้งข้อหา 3 ข้อหาคือ 1.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2.ข้อหาหมิ่นประมาท 3 ข้อหา PDPA (PDPA เป็นกฎหมายว่าด้วยการให้สิทธิกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สร้างมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และนำไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image