‘น้องเนย’ หนุ่มบิ๊กไบค์ เหยื่อจ่าคลั่งกราดยิงที่โคราช สลดใจเหตุกราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จุดภาพจำครั้งเก่าให้ผุดขึ้นอีก ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นซ้ำ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลเข้มเรื่องอาวุธปืน
จากกรณี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.นาวัง อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการในคดียาเสพติด ได้บุกเข้าไปกราดยิงเด็กเล็กและครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และประชาชนในพื้นที่ ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (6 ตุลาคม) ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 ราย ก่อนหลบหนี จากนั้นได้ขับรถกลับบ้านแล้วใช้อาวุธยิงตัวเอง พร้อมภรรยาและลูกเสียชีวิตคาบ้านพัก ตามข่าวที่ได้เสนอไปนั้น
วันเดียวกัน (6 ตุลาคม) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.หนองจะบก อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของ นายจิรัฐิติกาล นอบไทย หรือ น้องเนย อายุ 28 ปี หนุ่มบิ๊กไบค์หนึ่งในเหยื่อจ่าคลั่งกราดยิงหน้าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระสุนปืนทำลายอวัยวะภายในบริเวณช่องท้องและแขนเส้นเอ็นขาด แพทย์พยาบาลพยายามช่วยรักษาจนอาการดีขึ้น แต่ต้องเสียไตไป 1 ข้าง เอ็นแขนขาดทำให้ไม่มีแรง ลำไส้ยังอยู่นอกร่างกายต้องขับถ่ายผ่านถุงพลาสติก
หลังจาก “น้องเนย” ทราบข่าวการกราดยิงเด็กเล็กและครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวันนี้ ทำให้รู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ได้สร้างบาดแผลในใจ และภาพเหตุการณ์ยังจำติดตามาจนถึงปัจจุบัน เมื่อได้ยินข่าวกราดยิงอีกในวันนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดซ้ำอีก โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่มีอาวุธปืนแล้วไม่สามารถควบคุมตนเองได้
น้องเนยกล่าวว่า ครั้งนี้มาก่อเหตุกับเด็กเล็กและประชาชนที่ไม่รู้อะไรเลย สร้างความสลดหดหู่ให้กับตนเองและประชาชนทั่วไปอย่างมาก ทำให้ภาพเหตุการณ์ครั้งเก่าที่โคราชผุดขึ้นอีกครั้ง ต้องขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องมาสูญเสียบุตรหลาน รวมถึงญาติของผู้เสียชีวิตทุกรายในครั้งนี้ด้วย และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยควบคุมดูแลเรื่องอาวุธปืนที่มีจำหน่ายอยู่เกลื่อนเมือง ทั้งในโซเชียลและหาซื้อกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
น้องเนยกล่าวด้วยว่า เมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้เข้ารับการผ่าตัดเอาลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง ตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ สภาพร่างกายมีความพร้อมกว่า 90% ส่วนเรื่องการเยียวยาได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินเดือนละ 7,500 บาท ตั้งแต่ 2 เดือนหลังเกิดเหตุ และเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาได้รับเยียวยามาประมาณกว่า 2 ล้านบาท
