วัดชลประทานฯแจงเหตุทุบกุฏิ 11 หลัง มติกรรมการวัดปรับปรุงพื้นที่ท้ายวัด ยันไม่มีการไล่พระ

วัดชลประทานรังสฤษดิ์ แจงเหตุทุบกุฏิสงฆ์ในวัด 11 หลัง เผยเตรียมปรับปรุงก่อสร้างสังฆานุภาพใหม่ตามมติคณะกรรมการวัด หลังพบเสื่อมโทรม ไม่ได้ปรับปรุงมา 50 ปี

จากกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีการทุบกุฏิพระสงฆ์ด้ายท้าย วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 11 หลัง ทำให้พระสงฆ์ที่จำพรรษาในอยู่กุฏิทั้ง 11 หลัง ต้องย้ายที่พักช่วงกลางพรรษานั้น

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 9 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบกับ พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ซึ่งได้มอบหมายให้ นายจวน คงแก้ว ผู้ช่วยเลขานุการวัดชลประทานรังสฤษดิ์ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด

นายจวนเปิดเผยว่า หลังจากวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ซึ่งเป็นวัดพระอารามหลวงต้องเข้าร่วมในโครงการพัฒนา วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ซึ่งเป็นโครงการที่วัดพระอารามหลวงทุกวัดจะต้องเข้าร่วมอยู่ในโครงการทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการวัด ประกอบด้วย อธิบดีกรมชลประทาน ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศบาลนครปากเกร็ด ผกก.สภ.ปากเกร็ด ได้ประชุมแล้วพิจารณามีความเห็นตรงกันว่า วัดชลประทานรังสฤษดิ์ในปัจจุบันได้ปรับปรุงวัดให้มีความสวยงามตามสัปปายะสถาน ทั้งพื้นที่ส่วนหน้าวัดซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่าพุทธานุภาพ และพื้นที่กลางวัดที่เรียกว่าธรรมานุภาพตามลำดับแล้ว

Advertisement

นายจวนกล่าวว่า ส่วนพื้นที่ท้ายวัดที่เรียกว่าสังฆานุภาพนั้น ในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ฝึกกรรมฐาน แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ตั้งกุฏิของพระสงฆ์จำนวนมาก ไม่มีความเป็นระเบียบ ประกอบกุฏิส่วนใหญ่ที่ก่อสร้างมานานกว่า 50 ปีเสื่อมโทรมลง บางหลังมีความเสี่ยงที่จะพังทลายลงเพราะก่อสร้างอยู่ใกล้กับบ่อน้ำ คณะกรรมการวัดจึงมีความคิดเห็นตรงกันว่าควรจะมีการแก้ไขปรับปรุงพื้นที่ในส่วนท้ายวัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สอดคล้องกับพื้นที่ส่วนหน้าและส่วนกลางของวัดที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงไปแล้ว คณะกรรมการจึงมีมติให้เริ่มโครงการปรับปรุงพื้นที่สังฆานุภาพในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นมติของคณะกรรมการวัด ไม่ใช่มติ หรือความคิดเห็นของเจ้าอาวาสเพียงองค์เดียว

นายจวนกล่าวอีกว่า หลังคณะกรรมการมีมติเห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้ว สถาปนิกจากกรมชลประทานซึ่งลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ท้ายวัดที่มีอยู่ จำนวน 18 ไร่ มีกุฏิพระสงฆ์อยู่ประมาณ 83 หลัง กระจัดกระจายอยู่รอบพื้นที่ มีความเห็นว่าการแก้ไขปรับปรุงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้จะมีการเปลี่ยนแบบไปแล้วถึง 3 ครั้ง ก็ไม่คุ้มค่ากับการแก้ไข จนต่อมาในครั้งที่ 4 คณะกรรมการวัดจึงได้ข้อยุติ เห็นพ้องตรงกันว่าควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพื้นที่ทั้งหมดในส่วนท้ายวัด ซึ่งเป็นที่มาของโครงการปรับปรุงพื้นที่สังฆานุภาพ ใช้เวลาในการแก้ไขปรับปรุงประมาณปีครึ่งจึงจะเสร็จสมบูรณ์ หลังจากการปรับปรุงแล้วเสร็จก็จะมีพื้นที่ในส่วนที่เป็นกุฏิให้พระสงฆ์จำวัดอย่างเหมาะสมและลงตัว มีทัศนียภาพร่มรื่น ไม่เป็นแหล่งเสื่อมโทรมของวัดต่อไป

“หลังมีมติจากคณะกรรมการวัดให้ปรับปรุงพื้นที่ท้ายวัดแล้ว วัดได้เริ่มโครงการเมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการทุบกุฏิพระสงฆ์ที่เสื่อมโทรมและใกล้พังออกก่อน จำนวน 11 หลัง โดยย้ายพระที่จำวัดอยู่ในกุฏิทั้ง 11 หลัง ไปพักอยู่ที่กุฏิว่างในวัดแทน ไม่ได้มีการไล่ หรือให้พระสงฆ์ที่อยู่ในช่วงจำพรรษาย้ายวัดกลางคันอย่างที่มีผู้ร้องเรียนไป” นายจวนยืนยัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image