หนุ่มเครียด กระโดดสะพานแม่น้ำตราด สุดท้ายช่วยเหลือได้
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน สมาคมกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีเหตุคนกระโดดสะพานแม่น้ำตราด ถนนสายสุขุมวิท ฝั่งขาออกเมืองตราด รอยต่อตำบลวังกระแจะ ตำบลเนินทราย อ.เมือง จ.ตราด หลังรับแจ้งได้ส่งกำลังอาสากู้ภัยเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมประสานตำรวจสายตรวจ
เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงพบญาติพี่น้องของผู้ที่กระโดดสะพานยืนอยู่ 5-7 คน ทุกคนอยู่ในอาการตกใจร้องไห้ออกมา และพยายามมองหานายโอม หรือ ต๋อย อายุ 19 ปี ที่กระโดดสะพานลงสู่แม่น้ำตราดไปแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ประสานเรือท้องแบนและระดมกำลังกู้ภัยทางน้ำเตรียมค้นหา พร้อมทั้งจัดกำลังอาสาทางบก สอดส่องนายโอมหรือต๋อยบริเวณผิวน้ำ ตอม่อสะพานและริมชายฝั่ง
แม่บุญธรรมนายโอม อายุ 49 ปี กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุของการกระโดดน้ำครั้งนี้ เมื่อทราบข่าวจากน้าชายว่าลูกบุญธรรมกระโดดสะพาน ก็รีบขี่รถมาดูที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงก็เจอแต่รองเท้าแตะแล้ว
จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบนายโอมกำลังลอยคอว่ายน้ำอยู่อีกฝั่งของสะพาน ทำให้ญาติและชาวบ้านวิ่งข้ามสะพานไปยังอีกฝั่ง เมื่อเห็นนายโอมกำลังว่ายน้ำอยู่ ทุกคนพยายามเรียกให้ขึ้นฝั่ง แต่นายโอมกลับว่ายออกจากสะพานไปอีก ซึ่งหลายคนมองว่าหากปล่อยให้ว่ายน้ำต่อไปอาจหมดแรงจมน้ำประกอบกับสภาพอากาศค่อนข้างเย็น สุดท้ายนายโอมว่ายเข้าขึ้นฝั่งเข้าป่าชายเลนฝั่งตำบลวังกระแจะ
ขณะที่นายอรรพล ไลวลักษณ์ อาสากู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ได้ขอยืมเรือนายยาว อายุ 50 ปี ที่สะพานท่าแพ ต.เนินทราย ไปรับตัวนายโอมกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยนายอรรพลกล่าวว่า เมื่อพายเรือข้ามไปหานายโอมแล้ว พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายโอมสบายใจขึ้น ก่อนที่นายโอมจะยอมนั่งเรือ กลับเข้าฝั่งที่สะพานท่าแพ โดยมีตำรวจสายตรวจเข้าพูดคุยเกลี้ยกล่อม จนทราบว่านายโอมมีความเครียด จากปัญหาส่วนตัวที่ทะเลาะกับแฟน
เมื่อนำตัวนายโอมกลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว ได้ประสานญาติให้มายังที่เกิดเหตุขึ้นเพื่อมารับ เมื่อแม่แท้ๆ อายุ 49 ปี มาถึงกับโอบกอดร้องไห้ลูกชายด้วยความตกใจ ก่อนที่แม่บุญธรรมจะเดินทางมาถึง ทุกคนพยายามปลอบใจ ให้กำลังใจนายโอม และขออย่าให้นายโอมคิดสั้นแบบนี้
สำหรับสะพานแม่น้ำตราด นายอรรพล ไลวลักษณ์ อาสากู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ระบุว่า เป็นสะพานที่มีคนคิดสั้นจะกระโดดสะพานหลายครั้ง บางครั้งก็ทำสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะเข้าช่วยเหลือได้ทัน
