ควบคุมโรคที่ 9 เผย ไข้หวัดใหญ่จ่อพุ่งหน้าหนาว แนะปชช.ป้องกันตนเอง
วันนี้ (3 พฤศจิกายน) นางเบญจมาศ อุยรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่ว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้โรคติดต่อทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น โดยโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถเกิดได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ติดต่อกันได้ง่ายจากการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะ หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย และปวดศีรษะ
ซึ่งสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-25 ตุลาคม 2565 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มากถึง 54,664 ราย และมีเสียชีวิต 1 รายแล้ว ส่วนสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-22 ตุลาคม 2565 พบผู้ป่วย 3,801 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่กว่า 2,154 ราย , จังหวัดบุรีรัมย์ ป่วย 843 ราย , จังหวัดสุรินทร์ ป่วย 663 ราย และจังหวัดชัยภูมิ ป่วย 141 ราย โดยหากอุณหภูมิลดลงเฉียบพลัน ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลด ก็อาจติดเชื้อทำให้ป่วยได้ง่าย ยอดผู้ป่วยก็จะแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น ประชาชนควรดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป , เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี , ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด กับโรคเบาหวาน และผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป , ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ,ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย , ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่เป็นโรคอ้วน เพราะหากกลุ่มนี้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง จนทำให้เสียชีวิตได้
ประชาชนจึงต้องป้องกันตนเองตามมาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่ 1.ปิด คือปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย 2.ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันใด ราวบนรถโดยสาร ปุ่มกดลิฟต์ 3.เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย และ 4.หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด ซึ่งแม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มาก ก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ รวมถึงให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
