ฤกษ์ดี 11.11 เปิดใช้ทางกลับรถหน้า รพ.วิภาราม พระราม 2 แล้ว เสร็จเร็วกว่ากำหนด

ฤกษ์ดี 11.11 เริ่มเปิดใช้ทางกลับรถหน้า รพ.วิภาราม ถนนพระราม 2 แล้ว เสร็จเร็วกว่ากำหนด

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสะพานกลับรถหน้าโรงพยาบาลวิภาราม ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กิโลเมตรที่ 34 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ถนนพระราม 2 แผ่นปูนขอบทางพังถล่มลงมาเมื่อคืนวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย และรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคันนั้น

หลังผ่านมาเกือบ 3 เดือนครึ่ง กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ร่วมกับสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำการซ่อมแซมสะพานและตรวจความปลอดภัยขั้นสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้เริ่มเปิดให้รถทุกประเภทขับขึ้นสะพานได้ตามปกติแล้ว ถือเป็นการเปิดใช้ทางเร็วกว่ากำหนดเดิม

ขณะที่สภาพพื้นผิวจราจรบนสะพานมีการเทพื้นใหม่ทั้งหมด พร้อมกันนี้มีการยกเครื่องกั้นกีดขวางบริเวณเชิงสะพานออก เพื่อให้รถที่ต้องการกลับรถรู้ว่าเริ่มใช้ทางได้ตามปกติแล้ว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ พงษ์ชวลิต รองอธิบดีกรมทางหลวง นายมนตรี เดชาสกุลสม รองอธิบดีกรมทางหลวง นายทวีศักดิ์ รุจิจรรยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน นายพรชัย ศิลารมย์ ผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) นายประลองยุทธ์ กสิวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อกำกับติดตามการทดสอบความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกของโครงสร้างสะพานลอยกลับรถ หน้า รพ.วิภาราม บนทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระรามที่ 2 กม.34 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ

นายสราวุธกล่าวว่า กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ได้ดำเนินงานซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างสะพานลอยกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระรามที่ 2 ที่ กม.34 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ พื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ทางในทุกมิติ บัดนี้การซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างสะพานลอยกลับรถดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ทางได้วันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 06.00 น.

Advertisement

สำหรับการทดสอบการรับน้ำหนักโครงสร้างสะพาน เป็นการนำรถบรรทุกขนาดสิบล้อขึ้นไปจอดและวิ่งบนสะพานภายใต้พิกัดน้ำหนักทดสอบตามกฎหมาย (Bridge Load Test) โดยใช้รถบรรทุกน้ำหนักขนาด 25 ตัน จำนวน 4 คัน วิ่งทดสอบตามรูปแบบที่กำหนดเพื่อประเมินถึงพฤติกรรมของสะพานตามคุณสมบัติทางวิศวกรรม

ส่วนการประเมินความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกของสะพานในสภาวะปัจจุบัน ความปลอดภัยสูงสุดและความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทาง โดยในระหว่างการทดสอบการรับน้ำหนักโครงสร้างสะพานทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การกำกับ ติดตาม และประเมินผลโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากกรมทางหลวง ร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อร่วมยืนยันความแข็งแรงของโครงสร้างสะพาน สร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นในการเดินทางของประชาชน

รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานอนุกรรมการ โครงสร้างและสะพาน วสท. กล่าวถึงการดำเนินงานซ่อมแซมสะพานดังกล่าว ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมวิศวกรเชี่ยวชาญ วสท.ได้ติดตามและตรวจสอบทุกขั้นตอนของการฟื้นความมั่นคงแข็งแรงของสะพานลอยกลับรถ ตั้งแต่การรื้อตัวคานสะพานและติดตั้งใหม่ การออกแบบและคำนวณ รวมทั้งการทดสอบการรับน้ำหนักบรรทุกจริงของโครงสร้างสะพานที่มีผลการทดสอบที่ผ่านเกณฑ์ทั้งด้านกำลัง และระยะการเคลื่อนตัวในแนวดิ่ง (Vertical Displacement) โดยมีอัตราส่วนความปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรมที่เพียงพอ ทำให้งานบูรณะสะพานลอยกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 35 ที่ กม. 34 นี้ สามารถเปิดให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมั่นใจ ทั้งนี้ วสท. ได้แนะนำให้มีการติดตามสมรรถนะของสะพานอย่างต่อเนื่องเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ด้านเสถียรภาพของสะพาน และจะร่วมประสานงานให้คำแนะนำในด้านความปลอดภัยต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

รศ.ดร.สุนิติ สุภาพ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ในส่วนของงานด้านมาตรฐานความแข็งแรงของโครงสร้างนั้น ได้เข้าพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบสภาพทั่วไปของโครงสร้างสะพานรวมถึงร่วมติดตามการทดสอบโดยใช้รถบรรทุกวิ่งบนสะพานเพื่อนำผลการทดสอบดังกล่าวมาประเมินสมรรถนะในการรับน้ำหนักบรรทุกของโครงสร้างสะพาน จากผลการทดสอบพบว่า โครงสร้างสะพานมีความสามารถในการรับน้ำหนักรถบรรทุกได้อย่างปลอดภัยและสามารถเปิดใช้งานได้ตามแผนงานที่กรมทางหลวงกำหนด โดยโครงสร้างสะพานดังกล่าวมีความแข็งแรงและปลอดภัยเพียงพอต่อการใช้งานตามมาตรฐานวิศวกรรมที่ดี

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุต่างๆ สามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image