เกือบดี! ดราม่า ‘หนุ่มทุกขลาภ’ เมียนัดโอนเงินให้ลูก ต่อรองนิดหน่อย ตัดพ้อไม่เหลืออะไรเลย

เกือบดี! ดราม่า ‘หนุ่มทุกขลาภ’ เมียนัดโอนเงินให้ลูก ต่อรองนิดหน่อย ตัดพ้อไม่เหลืออะไรเลย

หนุ่มทุกขลาภ เมียนัด โอนเงินให้ลูก แต่มีต่อรองนิดหน่อย ตัดพ้อไม่ได้อะไรเลย เผยเลิกผัวแล้วจะไปหาเงินเลี้ยงลูก

จากกรณี นายมะนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี พร้อมญาติและลูก 3 คน ถูก นางอังคณารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ภรรยาที่อยู่กินกันมา 26 ปี ได้หนีตามชายชู้ไปพร้อมกับสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งมีเงินจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.65 ไปด้วย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน นายมะนิช พร้อมลูกสาวคนเล็ก อายุ 11 ปี และลูกชายคนกลาง อายุ 17 ปี เดินทางไปที่ธนาคารเพื่อการเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สาขาธงธานี อ.ธวัชบุรี เพื่อที่จะดำเนินการเปิดบัญชี รับเงินโอนตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้กับแม่ คือนางอังคณารักษ์ ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรอที่ ธ.ก.ส.สาขาดังกล่าว เพื่อเปิดบัญชีให้กับลูกชายและลูกสาว เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้ตามข้อตกลง ในการโอนเงินให้ลูกชาย 5 แสนบาท และลูกสาว 1 ล้านบาท และโอนให้เข้าบัญชีสามี 1 ล้าน 6 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ นางอังคณารัตน์ ผู้เป็นแม่เดินทางมาถึงธนาคาร ได้พยายามต่อรองว่าการเปิดบัญชีของลูกทั้ง 2 คนนั้น ขอเป็นคนเปิดบัญชีร่วมกับลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งไม่รับความเห็นชอบจากพ่อในการที่ผู้เป็นแม่พยายามจะขอเปิดบัญชีมีชื่อร่วมกับทั้งลูกสาวและลูกชาย เพราะเกรงว่าจะถือโอกาสเบิกเงินในส่วนของลูกทั้ง 2 คน

Advertisement

ไปใช้นอกวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห่วงการที่แอบมีชายอื่น แล้วหลงแฟนใหม่ เข้าใช้เงินจนไม่เหลือให้พอส่งลูกเรียนตามที่พ่อต้องการ โดยจะขอให้ชื่อของตนเองเป็นชื่อร่วมแทน เนื่องจากไม่ไว้วางใจ เพื่อเป็นการป้องกัน ภรรยาที่จะแยกทางกันอาจจะบังคับลูกเพื่อเบิกเงินนำไปใช้ จนไม่สามารถเก็บไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกได้

และเมื่อนายมะนิชคัดค้าน นางอังคณารัตน์ ได้ต่อรองว่า หากจะไม่ให้ตนเองชื่อร่วมในบัญชี ก็ขอเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ จากการที่จะโอนเงินให้สามี 1 ล้าน 6 ล้านบาท ก็ขอเปลี่ยนแปลง โอนเงินให้สามีเพียง 1 ล้าน 500,000 บาทเท่านั้น โดยขอลดลง 100,000 บาท อ้างว่าเมื่อสามีแยกทางไปแล้ว แต่กำหนดว่าจะเบิกเงินได้หลังจากลูกบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยจะนำเงิน 100,000 บาทนี้ มาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ยังไม่ครบกำหนด ก็จะไม่มีเงินใช้สอย จึงจำเป็นต้องขอไว้ 100,000 บาท เพื่อไว้ใช้จ่ายดูแลช่วงที่อยู่กับลูกในทุกด้านตามความจำเป็น ซึ่งสามียอมรับในเงื่อนไข ตกลงกันได้

Advertisement

นางอังคณารัตน์จึงได้โอนเงินให้กับสามีเพียง 1.5 ล้านบาท ตามข้อตกลงที่ขอกันเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากเสร็จสิ้นจากธนาคารก็จะเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี เพื่อพบกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าว เพื่อถอนแจ้งความ และยุติเรื่องลงในที่สุด

ด้าน นางอังคณารักษ์กล่าวว่า ดีใจที่เรื่องจบ ขอให้ทุกอย่างยุติ และขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น และเสื่อมเสียความรู้สึกของประชาชน ขอให้ประชาชนเปิดโอกาสและทำความเข้าใจกับชีวิตของตนเองและครอบครัว ที่ขัดแย้งไม่เข้าใจกัน ยืนยันว่าทุกอย่างไม่มีเบื้องหลัง และยืนยันไม่มีเรื่องของผู้ชายอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

นางอังคณารัตน์กล่าวต่อว่า ในส่วนเรื่องเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 6 ล้านบาท หลังจากหักภาษีแล้ว 3 หมื่นบาท เงินเหลือจำนวน 5 ล้าน 9 แสน 7 หมื่นบาท ก่อนหน้านั้น โอนให้สามี 1 ล้านบาท และรวมทั้งที่นำมาคืน 3.1 ล้าน รวมแล้วเป็นเงิน 4.1 ล้านบาท

สรุปแล้วตนไม่ได้อะไรเลย ทั้งนี้ เนื่องจากส่วนต่างนั้น ตนได้นำไปใช้หนี้สิน และเงินกู้ ธ.ก.ส.ไปหมด โดยที่ตนเองไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งหลังจากเลิกกับสามี แต่ก็ยังต้องหาเงินมาเลี้ยงลูก ก็คิดที่จะเอาบ้านและที่ดินไปจำนองกู้เงิน ธ.ก.ส.มาลงทุน ด้วยการวางแผนว่าจะเซ้งกิจการรีสอร์ตแห่งหนึ่งมาให้คนเช่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image