ชาวเลหลีเป๊ะเดือด รวมตัวขึ้นบก ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ถูกเอกชนปิดถนนทางเข้าออกที่ใช้มาร่วมมานาน
วันที่ 29 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 และ หมู่ที่ 8 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นชาวเลกลุ่มอุรัคลาโว้ย ประมาณ 100 คน นำโดย นางสลวย หาญทะเล อายุ 61ปี ชาวหมู่ที่ 7 บ้านเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล (เครือข่ายpmove จ.สตูลและเครื่อข่ายรักษ์จังสตูล) ได้ร่วมตัวกันที่ถนนคนเดินบริเวณทางเข้า ร.ร.บ้านเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล
โดยนางสลวย หาญทะเล กล่าวว่าชาวบ้านได้มารวมตัวกันเป็นเวลา 3 วันแล้ว เนื่องจากมีเอกชนอ้างสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินทำรั้วปิดถนนทางเข้า ร.ร.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งบริเวณดังกล่าวชาวบ้านใช้สัญจรไป-มา เข้า-ออก ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าไปโรงเรียน สถานีอนามัย และท่าที่ใช้ลงเรือของชาวเลเกาะหลีเป๊ะ รวมทั้งเข้าออกบ้านชาวบ้าน ซึ่งใช้กันมาหลายชั่วอายุคน แต่จู่ๆนายทุนอ้างเอกสารสิทธิครอบครองมาทำรั้วปิดทางเข้า-ออก ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงขอวอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยไปดูแลเจรจาเพื่อให้ชาวบ้านสามารถเดินผ่านได้
ด้านนายเดชณรงค์ อยู่กลาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล บอกว่าชาวบ้านได้รวมตัวชุมนุมมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ตนเองได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปที่ อ.เมืองสตูลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตอนนี้เหลือแค่ว่าตั้งโต๊ะเจรจาและกำลังปรึกษาหารือว่า จะยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการ จ.สตูลในวันที่ 29 พฤศจิกายน หรือวันนี้จีงได้มาที่ว่าการอำเภอละงู จ.สตูล เพื่อยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลือ
โดย น.ส สุคน พะอะ ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ม.7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง ซึ่งเป็นจิตอาสาดูแลโรงเรียน พร้อมพวกรวม 5 คน ได้นั่งเรือจากเกาะหลีเป๊ะ เพื่อมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการ รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ห้องประชุมที่ว่าการอ.ละงู จ.สตูล
ซึ่งน.ส.สุคนธ์ พะอะ พร้อมพวกยื่นหนังสือด้วยน้ำตา เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนและขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา การปิดกั้นเส้นทางสัญจรสาธารณะประโยชน์ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ หลังเอกชนอ้างสิทธิ์เจ้าของที่ดิน น.ส 3 ก เลขที่ 11 นำแท่งเหล็กมาปิดกั้นทางเดินที่ชาวบ้านใช้มาร่วม 100 ปี ตั้งแต่บรรพบุรุษเดินขึ้นลงทะเล ไป ร.รและอนามัย แต่ทางเอกชนได้ปิดเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ขณะนี้ชาวเลได้รับความเดือดร้อนมาก ชาวบ้านที่อยู่ริมชายหาดไม่สามารถข้ามมาด้านใน ส่วนชาวบ้านด้านในรวมทั้งเด็กนร. ผู้ป่วยและนทท.ไม่สามารถข้ามไปร.ร อนามัย และลงไปชายหาดได้โดยขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่กำลังรวมตัวเพื่อไม่ให้มีการสร้างรั้วถาวรที่กำลังเริ่มดำเนินการในขณะนี้เพื่อให้นทท.ได้ลงไปชายทะเล เด็กไปร.รและผู้ป่วยได้ไปหาหมอ ตอนนี้เดือดร้อนเป็นอย่างมากมาก
