เมียหลวงใจกว้างไม่ฟ้องสามี นอกใจแอบมีเมียใหม่ ทั้งที่จดทะเบียนสมรสกันมา 13 ปี พ้อเขาไม่รักเราแล้ว
จากที่เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 โพสต์ข้อความที่สมาชิกรายหนึ่งร้องเรียนผ่านเพจ เป็นกรณีเมียหลวงที่แต่งงานอยู่กินกับสามีมาร่วม 20 ปี จดทะเบียนสมรสกันมา 13 ปี แต่ต่อมาฝ่ายชายอ้างว่าไปทำผู้หญิงท้อง แล้วให้แม่ของตัวเองไปสู่ขอผู้หญิงคนนั้น พร้อมทำพิธีหมั้นหมายกัน ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้หย่าขาดจากภรรยา
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 50 ปี ภรรยา และเจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เจอกับสามีเมื่อตอนที่ทำงานโรงถ่าย โดยสามีตอนแรกเป็นเด็กไฟในกองถ่าย ส่วนตนเป็นคอสตูมในกองถ่าย จากนั้นเขาก็ไต่ระดับการทำงานขึ้นมาเป็นผู้ช่วยช่างภาพ เป็นช่างภาพ และเป็นผู้กำกับด้วย หลังจากนั้นเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในตำแหน่งช่างภาพ ส่วนตัวพี่เองหลังจากทำคอสตูมก็ย้ายมาทำงานในตำแหน่งช่างแต่งหน้านักแสดง โดยทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี ก็ลาออกมาทำงานช่วยน้องที่เปิดร้านขายอะไหล่แอร์และติดตั้งแอร์ ประกอบกับมีปัญหาเป็นข้ออักเสบไม่สะดวกในการทำงานจึงมาช่วยทำงานให้น้อง
น.ส.เอกล่าวว่า แต่สามีก็ยังคงทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งช่วงโควิดงานอีเวนต์งานอะไรก็ไม่ค่อยมี ทางบริษัทจึงส่งให้ไปทำงานที่ต่างจังหวัด โดยไปถ่ายทำรายการเกี่ยวกับเหมือง ซึ่งก็น่าจะรู้จักกับผู้หญิงในขณะที่ไปทำงานที่เหมือง เพราะผู้หญิงเป็นตัวแทนของหน่วยงานราชการ ไปสำรวจเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการทำเหมือง คงรู้จักกันในช่วงนั้น แต่ก็คิดว่าคงรู้จักกันตามปกติ เพราะช่วงนั้นไม่มีอะไร สามีกลับบ้านปกติไม่มีอะไรผิดสังเกต
น.ส.เอกล่าวอีกว่า ช่วงแรกๆ เขาก็ยังกลับมาบ้านอยู่บ้าน 3 เดือน 6 เดือนกลับมาที เมื่อกลับมาก็เอาเสื้อผ้ามาให้ซักบ้าง จนเข้าปีที่ 2 กลับมาเริ่มไม่มีเสื้อผ้ากลับมาให้ซัก เขาก็บอกว่าขนกลับมาก็ซักไม่ได้ จนเมื่อต้นปีนี้ประมาณวันที่ 30 มกราคม เขาคุยกับเราปกติถามสารทุกข์สุกดิบ เขาบอกว่าเขาอยู่เชียงใหม่ แต่บังเอิญเราไปเจอรถเขาจอดอยู่ที่อู่ของเพื่อนเขาในซอยนี้เพราะเรานั่งรถสวนเข้ามา จึงไลน์ไปถามว่า มาทำไมไม่เข้าบ้านไม่โทรบอก ไหนบอกไม่เข้ามาไง เขาก็ไม่รับ ไม่อ่านไลน์ โทรไปก็ไม่รับ เราก็รอทั้งคืน เขาก็ไม่โทรกลับ เราคิดว่าเขาจะกลับบ้านด้วยคืนนั้น ก็นั่งรอทั้งคืนไม่ติดต่อกลับมา
น.ส.เอกล่าวว่า จนเช้าเวลา 09.00 น.ของอีกวันหนึ่ง โทรกลับมาเราก็ถามเพราะมันผิดสังเกตแล้ว มาทำไมไม่บอก ไม่ตอบ แล้วทำไมกลับมาถึงไม่บอก แล้วก็ไปนอนไหน เขาก็บอกว่าไปนอนบ้านแม่มาวันเดียวแล้วจะกลับเชียงใหม่เลย
น.ส.เอกล่าวว่า มันเป็นไปได้หรือห่างบ้านไปตั้งหลายวัน ไม่อยากกลับบ้านเลย เราก็เริ่มหาข้อมูลโดยเข้าไปในเฟซเขาแต่ไม่เจอข้อมูลอะไร เพราะเขาไม่ได้ลงรูปคู่ ต่างคนต่างโพสต์ แต่ก็ขาดการติดต่อไปเลย เขาไม่โทรมาประมาณ 2 เดือนกว่า จนเดือนมีนาคมเขาก็โทรมาถามนู่นถามนี่ เราก็บอกว่าเป็นโควิดกันทั้งบ้านเลย จนกระทั่งใกล้วันสงกรานต์ เราก็ไลน์ไปบอกว่าอยากกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พากลับบ้านหน่อย เขาก็บอกว่าไปไม่ได้หรอกตังค์ก็ไม่ค่อยมี เงินเดือนก็ไม่ค่อยออก เหมือนบริษัทรายได้ไม่ค่อยดีเงินเดือนออกไม่ตรง และมีวันหยุดแค่ 3 วันตีรถจากเชียงใหม่มานี่ เวลามันไม่พอเราก็เข้าใจ ไม่เป็นไร
น.ส.เอกล่าวอีกว่า แต่มารู้ทีหลังว่าเขาไปบ้านผู้หญิง เขาไปรดน้ำดำหัวพ่อแม่ผู้หญิงอยู่ในช่วงสงกรานต์ แต่เขาปฏิเสธที่จะไปกับเรา หลังจากนั้นวันที่ 17 สิงหาคม เขาไลน์มาบอกว่าเขา พลาดทำผู้หญิงท้อง ไปรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ญาติผู้ใหญ่ไปสู่ขอ เราก็ค้านนะว่าทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันยังเป็นเมียคุณอยู่มีทะเบียนสมรส คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร คุณพาแม่ไปก็เท่ากับว่าพาแม่ไปทำสิ่งผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ถ้าคนอื่นรู้ใครเขาก็ยอมรับไม่ได้ ไม่มีสังคมไหน ศาสนาไหนเขายอมรับได้หรอก แต่เขาก็เงียบๆ ไป เขาได้แต่ขอโทษ
น.ส.เอกล่าวว่า ในส่วนของเราช่วงนั้นก็ทำใจคิดว่าจะเอายังไง แต่จริงๆ ตอนนั้นก็เป็นห่วงผู้หญิง เพราะผู้หญิงไม่รู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้ว เราก็สงสารผู้หญิง เราก็เห็นใจ คิดเหมือนกันว่าจะหย่าให้ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เอ่ยปากขอหย่า และเขาก็ไม่บอกว่าจะขอหย่ากับเรา และเราก็ไม่ได้พูด เราก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าถ้ามันแก้ปัญหาได้ แต่ก็เผื่อใจเพราะดูแล้วเขาเลือกฝั่งโน้น คงไม่ได้สนใจเราแล้ว แต่ด้วยความที่เขายังไม่ได้เอ่ยปากยุติความสัมพันธ์เราจึงรอว่าเขาจะเอายังไง
น.ส.เอกล่าวอีกว่า แล้วเขาก็เงียบหายไป เขาบอกว่าเขาก็อยู่อีกที่นึง แต่เราไปเจอรถเขาในซอยเดียวกันจอดอยู่ จึงไปแอบดูเห็นเขาอยู่ที่นี่กันจริงๆ เลยโทรไปต่อว่าเขา เราเห็นว่าผู้หญิงไม่ได้ท้อง เพราะที่คุยกันผ่านมานานน่าจะท้องโตแล้ว เขาก็บอกว่าท้องจริง แต่เขาบอกทำตามที่ผู้หญิงต้องการไม่ได้ คือหย่ากับเราไม่ได้ ผู้หญิงก็เลยยุติการตั้งครรภ์เพราะยังหย่ากับเราไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เราไม่รู้ว่าเท็จจริงแค่ไหน เขาอาจจะอ้างมาว่าท้องเพื่อให้เราบอกเลิกก็ได้
“หลังจากนั้นก็หายไปอีกเป็นเดือน แต่ระหว่างนั้นมีการส่งไลน์ไปต่อว่าเขา เหมือนสั่งสอนให้นึกถึงความถูกต้องศีลธรรม ที่เราเจอในโพสต์เราก็ส่งไปให้เขาในไลน์ เขาก็ตอบครับคำเดียวและขอโทษ เราไม่สามารถไปพูดปรึกษาบอกกับใครได้ เราก็ไปร้องไห้คนเดียว กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ น้ำหนักลดฮวบๆ ทั้งไมเกรน กระเพาะ ซึ่งหายไปเป็น 10 ปีอยู่ดีๆ ก็กลับมาเป็นอีกเพราะเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ และสะดุ้งตื่นกลางดึกทุกวัน”
“เมื่อคืนล่าสุดก็เลยเข้าไปเล่นเฟซเพราะไม่ได้ดูนานแล้ว ก็ปัดไปเรื่อยๆ เลยเข้าไปในเฟซของเพื่อนผู้หญิง ก็ไปเจอโดยบังเอิญนี่มันสามีเรานี่ ทำไมมาหมั้น ทำไมเราไม่รู้เรื่อง ซึ่งเราเคยเตือนแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ แล้วที่มันโคตรเจ็บใจคือ เราไม่ทำอะไรพวกคุณ เพราะเป็นห่วงเรารู้สึกของพวกคุณ เราสงสารผู้หญิงด้วยกันไม่อยากให้อับอายขายหน้า เราอุตส่าห์ไม่โพสต์ไปประจานไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
ไม่เคยด่าไม่เคยเอาไปโพสต์ให้คนอื่นรู้ในเฟซเราเงียบ เพื่อรอว่าเขาจะตัดสินใจยังไงเขาจะแก้ปัญหากันยังไง เราก็เลยรู้สึกว่าในขณะที่เราเป็นห่วงเขา แต่เขาไม่เคยเป็นห่วงความรู้สึกเราเลย เขาจะทำอะไรเขาก็ทำ เรารู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว เราจะนิ่งอยู่เฉยๆ ให้เขาทำแบบนี้เรามันไม่ได้แล้ว ด้วยตอนนั้นเราก็ไม่ได้ปรึกษาใครด้วยความรู้สึกว่าโกรธนะ เช้ามาก็เลยตัดสินใจลงไปที่เพจ จริงๆ ก็ไม่อยากให้มีผลกระทบกับใครขนาดนี้หรอก ตอนแรกคิดจะฟ้องผู้หญิงนะแต่มาคิดทบทวนดู เขาอาจจะไม่รู้เรื่อง คนของเราอาจจะไปโกหกเขา เราก็เลยไม่คิดจะฟ้องเขา”
น.ส.เอกล่าวว่า จากนี้ไปปัญหาความสัมพันธ์มันก็คงกลับมาไม่ได้แล้ว ความรู้สึกมันจะกลับมาไม่ได้แล้ว เพราะเขาทำกับเราขนาดนี้ และอีกอย่างสิ่งที่เขาทำเขาคงไม่ได้รักเราแล้ว เพราะถ้ารักกันเขาก็คงจะไม่ทำแบบนี้
(ชมคลิป)
