ลูกสาว 16 ร้องช่วยแม่-น้อง ถูกพ่อจับเป็นตัวประกัน ขู่แทง-ขังในบ้าน ระแวงเมียหนี

เสพยาบ้า จับลูกเมียเป็นตัวประกัน-ขู่แทงด้วยมีดใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงยอมปล่อยตัว

เมื่อกลางดึกวันที่ 2 มกราคม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากเหตุผัวคลั่งใช้อาวุธมีดจี้ลูกเมียเป็นตัวประกัน และขังอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง ร่วมนำกำลังไปตรวจและให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโปร่ง พบภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท เปิดเพียงไฟใต้ถุนบ้านเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าคอยสังเกตการณ์อยู่ริมถนน เมื่อชายคลุ้มคลั่งเห็นเจ้าหน้าที่จึงตะโกนด่าทอและไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอยห่างออกไป แถมขู่หากไม่ทำตามจะแทงตัวประกันทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังถอยออกมา และคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

จากการสอบถาม น.ส.เตย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโต เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้ที่ก่อเหตุคือพ่อของตน ชื่อ นายชาลี อายุ 48 ปี จับแม่และน้องอีก 3 คนเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้าน ซึ่งปกติพ่อจะทำร้ายและตบตีแม่แบบนี้ทุกวันเป็นประจำเนื่องจากพ่อเสพยาบ้า

น.ส.เตยเล่าต่อว่า ตนเคยขอร้องให้แม่ออกไปอยู่ที่อื่นเพราะสงสารแม่ แม่จึงย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าได้เพียง 4 วัน ก็มีญาติของพ่อโทรไปบอกแม่ว่าพ่อหกล้มไม่สบายให้รีบกลับมาดูแล ตนก็บอกกับแม่ว่าอย่ากลับไป จนกระทั่งวันนี้ เวลาประมาณ 20.00 น. แม่เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ และก็มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อเหมือนเดิม พ่อมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายแม่ และใช้อาวุธมีดข่มขู่

Advertisement

จากนั้นก็จับแม่และน้องๆ ไว้เป็นตัวประกันขังอยู่ภายในบ้าน ต่อมาน้องสาวได้แชตมาบอก ตนจึงรีบตามมาดูก็พบว่าแม่ถูกพ่อขังไว้ในบ้าน ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงแม่และน้องมากเนื่องจากทราบมาว่าพ่อได้เสพยาบ้าไปเมื่อวานนี้ 60 เม็ด อาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนระแวงว่าแม่จะหนีไปอยู่ที่อื่น

ด้าน นายพรณรงค์ อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ ผู้รับแจ้งเหตุ เล่าให้ฟังว่า ลูกสาวของผู้ก่อเหตุได้แชตไปขอความช่วยเหลือ โดยส่งภาพคนในบ้านและภาพประตูหน้าต่างที่ถูกผ้าขาวม้าผูกมัดไว้ไม่ให้คนในบ้านออกมาข้างนอกได้ ตนจึงนำกำลังเข้ามาตรวจสอบ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุพบว่าภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท มีเสียงจากคนภายในร้องขอความช่วยเหลือออกมา ตนจึงพยายามเขย่าประตูแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ และถูกผู้ก่อเหตุด่าทอข่มขู่ ตนจึงถอยออกมา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว

Advertisement

ขณะที่ พ.ต.ท.ประเสริฐ รัศมี สวป.สภ.นครหลวง และนายสุเทพ บุญแจ้ง พยายามเข้ามาเกลี้ยกล่อม และพูดคุยกับนายชาลีให้เปิดประตูบ้านออกมาพูดคุยด้านนอก แต่นายชาลีกลับตะโกนออกมาว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกไปให้หมด และรับปากจะไม่ทำร้ายคนในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามต่อรองให้นายชาลีเปิดประตูออกมาเพื่อตรวจสอบดูว่าคนที่อยู่ภายในบ้านปลอดภัยดีหรือไม่ แต่นายชาลีก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมา เพราะกลัวว่าจะถูกจับ พร้อมยอมรับว่ามีการเสพยาบ้าจริง และจะขอโอกาสเข้าบำบัดแต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ไม่ได้กลับมาเจอลูกเมียอีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่าจะให้นายชาลีเข้าโครงการบำบัดยาเสพติด แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูออกมา พร้อมข่มขู่ถ้าเกิดเห็นเงาใครก็พร้อมที่จะใช้มีดทำร้ายลูกชายคนเล็กทันที กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่จะนำกำลังถอยออกมาด้านนอกพร้อมตรึงกำลังไว้เพื่อดูสถานการณ์

จนเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 3 มกราคม 2566 กำนันตำบลปากจั่น ญาติและเพื่อนสนิทเข้าเจรจา นายชาลีจึงยอมปล่อยตัวประกันพร้อมลงมาคุยกับญาติ นายสุเทพ บุญแจ้ง กำนัน และเพื่อนสนิทที่เข้ามาเจรจาเกลี้ยกล่อม ใช้เวลานานเกือบ 30 นาที ทำให้นายชาลีไว้ใจ ยอมออกจากบ้าน จากนั้นพาขึ้นรถซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกไปสงบสติอารมณ์ ทำให้เมียและลูกปลอดภัย โดยมีญาติบางส่วนตำหนิต่อว่านักข่าวเข้ามาติดตามรายงานข่าว หากละเมิดจะฟ้องทุกคน ตำรวจได้นำตัวมาพูดคุย พร้อมตรวจสารเสพติดและเตรียมนำตัวผู้ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามประสงค์ของผู้ก่อเหตุ

พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.นครหลวง เปิดเผยว่า จากการพูดคุยทราบว่าเขาพึ่งเสพสารเสพติดเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว และมีปัญหากับภรรยาและลูก เขาป่วย เขาก็อยากให้มีคนดูแล จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีอาวุธร้ายแรง แต่ที่บอกว่ามี เจ้าตัวยอมรับว่าเพียงแค่พูดข่มขู่เท่านั้น เพื่อไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปวุ่นวายกับเขา ซึ่งตอนนี้เขารับว่าเสพ พร้อมยินยอมเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดสารเสพติดของตำบลปากจั่น อ.นครหลวง ซึ่งเราจะมีการติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดว่าจะเลิกเสพสารเสพติดหรือไม่ต่อไปในอนาคต

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายชาลี ผู้ก่อเหตุ อยู่ในสภาพอิดโรยเนื่องจากไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเพราะระแวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่ามีการเสพยาบ้าจริงก่อนวันก่อเหตุได้ 3 วัน ประมาณ 5-6 เม็ด ในราคาเม็ดละ 30 บาท ที่ทำลงไปเพราะหวาดระแวงกลัวคนจะมาพรากลูกเมียหนี เนื่องจากที่ผ่านมาทะเลาะกัน เมียได้หนีออกจากบ้านไปหลายวัน พอเมียกลับมาเมื่อคืนจึงจับจี้เป็นตัวประกันทันที ที่ทำลงไปเป็นการข่มขู่เท่านั้นและไม่คิดจะทำร้ายลูกเมียจริง เพียงต้องการอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกเมียไม่ให้ใครมาพรากแยกจากกัน ซึ่งขณะนี้ทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ส่วนที่บอกว่ามีการเสพยาบ้าไปจำนวน 60 เม็ดนั้นไม่จริง ตนเองพูดเฉยๆ เพื่อให้ญาติรู้ว่าตนเองเสพยาบ้าและน็อก เพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ และให้ญาติโทรบอกภรรยาแล้วกลับมาดูแลเท่านั้น ตอนนี้ตนเองขอโอกาสปรับตัวใหม่ยอมเข้าโครงการบำบัดยาเสพติดเพื่อให้หายดีแล้วอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกับครอบครัวอีกครั้ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image