เปิดใจอดีตเจ้าอาวาสวัดขุมข้าว หลังถูกปลด แจงบวชให้ ‘พระอ๋อย’ เพราะไม่ได้ปาราชิก

เปิดใจอดีตเจ้าอาวาสวัดขุมข้าว หลังถูกปลดฟ้าผ่า บวชให้ ‘พระอ๋อย’ วานนี้

อดีตเจ้าอาวาสวัดขุมข้าว เปิดใจหลังถูกพระราชพรหมคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครนายกออกจดหมายปลดฟ้าผ่า หลังรับอดีตเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก หรือพระอ๋อย พำนักอยู่ที่วัด ทำให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์ และการพระศาสนา อันเป็นการประพฤติละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง ขณะที่พระอ๋อยเองได้สึกเมื่อคืนวาน โดยมีทางเจ้าคณะได้ส่งพระมาทำการสึกพร้อมถ่ายรูปเป็นพยานหลักฐาน ก่อนที่อดีตพระอ๋อย หายตัวไปจากวัดเมื่อเช้าวันนี้

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่วัดขุมข้าว อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดพบว่าบรรยากาศเงียบ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพลี จำนวนหนึ่งเดินทางมาที่วัดเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพระอ๋อย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่าได้เดินทางมาที่วัด รอบนี้เป็นรอบที่สองแต่ก็ไม่มีพระรูปไหนให้ข้อมูล

จากนั้นพระครูปทุมปริยัตยานุกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดขุมข้าว ตำบลหนองแสง เขต 2 อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ได้เดินทางมาถึงที่วัดพร้อมถุงยา กล่าวว่า เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล หลังจากปลดจากตำแหน่งแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ส่วนตำแหน่งเจ้าคณะตำบลนั้น ได้ลาออกจากตำแหน่งมาตั้งนานแล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่มีตำแหน่งอะไร เป็นเพียงพระลูกวัดเท่านั้น และตอนนี้เจ้าอาวาสวัดก็คือพระที่อยู่ในวัดมาดำรงตำแหน่งแทนตน

Advertisement

ส่วนกรณีพระอ๋อยนั้น อดีตเจ้าอาวาสกล่าวว่า เรื่องปาราชิกนั้นมันไม่มี ยังไม่มีใครกล่าวหาพระอ๋อยว่าปาราชิก ซึ่งก่อนที่จะบวชให้พระอ๋อยนั้นก็ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าเขาไม่ได้ปาราชิก ไม่มีคดีทางโลกจึงให้บวชได้ และที่พระอ๋อยบวชมาก็ใช่ว่าเขาไม่ดี

ส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ ที่ถูกหมอปลาบุกกุฏิแล้วเจอผู้หญิงซ่อนตัวอยู่ในนั้น รู้แค่จากในข่าวแต่ก็ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กับพระอ๋อย เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น คิดว่าอาจเป็นการจัดฉากแต่ก็ไม่ฟันธง เนื่องจากถ้าพูดไปก็จะเป็นเรื่องที่ผิด ตั้งแต่ที่พระอ๋อยมาบวชที่วัดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว พระอ๋อยไม่มีการดูดวง หรือเสกน้ำมัน หรือเสพของพุทธาภิเษกก็ไม่มี โดยอาศัยอยู่ที่วัดแบบเงียบๆ และช่วยพัฒนาวัด

ขณะที่เมื่อคืนนี้พระอ๋อยได้สึกไปแล้ว หลังมีคำสั่งขอร้องให้สึก โดยทางเจ้าคณะจังหวัดได้ส่งคนมาดูทุกขั้นตอนในการสึกพร้อมถ่ายภาพ โดยไม่มีการสอบสวนอะไรเกิดขึ้น และเรื่องที่อาตมาถูกปลดก็ไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

Advertisement

พระครูปทุมปริยัตยานุกิจ กล่าวว่า วานนี้ที่คณะหมอปลาเดินทางมาที่วัด ก็ได้ลงมาคุย แต่ทางหมอปลาไม่ได้ลงจากรถมาคุย เขาก็อยู่ถึงมืดแต่ไม่รู้ว่ามาเฝ้าอะไร ก็พยายามที่จะไม่พูดหรือให้ข่าวอะไร เนื่องจากพูดไปอาจมีเนื้อหาที่ผิดเพี้ยนจากที่พูดไป จนทำให้เข้าใจผิด

“สังเกตว่าไม่มีการตั้งคณะสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาไม่เคยเรียกอาตมาไปสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่กลับมีหนังสือปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ขณะที่ทางพระอ๋อยก็ยังไม่มีใครออกมายืนยันว่าพระอ๋อยนั้นปาราชิก ซึ่งการที่จะปาราชิกนั้น จะต้องมีการสอบอธิกรณ์ให้ครบทุกขั้นตอน โดยปกติแล้วพระต้องมีการตั้งอธิกรณ์ขึ้นมาตรวจสอบ เมี่อคดีทางโลกไม่มีคดีก็หลุด ดังนั้น ก็จะให้ปาราชิกเขาตรงไหน และหลังจากนี้อาตมาก็จะไม่ยื่นอุทธรณ์เรื่องที่ถูกปลดจากเจ้าอาวาส ซึ่งปลดก็คือปลด ไม่ยึดติดกับลาภยศใดๆทั้งสิ้น ก็รู้สึกสบายใจดีไม่ต้องรับภาระหาเงิน และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่อยู่ก็ยังไม่เสร็จ”

“อยากบอกว่า การที่จะโทษใครสักคน ควรจะตรวจสอบให้แน่นอนเสียก่อน เพราะมันจะกลายเป็นตราบาปให้คนคนหนึ่ง ที่พระอ๋อยมาบวชนั้นเขาทำไม่ดี เขาได้ทำดีช่วยหาเงินมาพัฒนาวัด เทพื้นปูนลานวัด รวมถึงงานต่างๆ ภายในวัด โดยไม่ขอเงินเลย”

อดีตเจ้าอาวาสยังเล่าว่า รู้จักกับพระอ๋อยสมัยเรียนที่ประดับปริญญาตรีที่วัดพิชัยญาติการาม หรือวัดพิชัยญาติ เมื่อประมาณปี 2557-58 ที่ผ่านมา เวลาวัดมีงานก็จะส่งเงินมาร่วมทำบุญที่วัดอยู่เรื่อยๆ โดยนิสัยพระอ๋อยที่รู้จักเป็นผู้ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคน ใครขาดเหลืออะไรก็จะช่วยหมด ในเรื่องการมีครอบครัวพระอ๋อยเคยมีครอบครัว หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุถูกล้อรถบัสทับเท้าจนพิการ ก็มาบวชพระ โดยรอบแรกก่อนที่จะเกิดเรื่องก็นานถึง 30 พรรษา และมาบวชรอบนี้อีก 1 พรรษา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image