สหกรณ์ครูโคราช จัดโมเดลช่วยสมาชิกหนี้วิกฤตนับพันราย จ่อถูกฟ้องล้มละลาย

สหกรณ์ครูโคราชจัดโมเดลช่วยสมาชิกหนี้วิกฤตนับพันราย ชุบชีวิตเพื่อนครูจ่อถูกฟ้องล้มละลาย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มกราคม ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา (สอค.นม.) นายทอง วิริยะจารุ ประธานที่ปรึกษา สอค.นม. ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายบุญธรรม เดชบุญ ประธาน สอค.นม.ชุดที่ 65 และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือและชี้แจงความคืบหน้าการดำเนิน “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กับหน่วยงานและสถาบันการเงิน เพื่อช่วยเหลือมวลสมาชิกที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและพิจารณาช่วยเหลือสมาชิกที่กำลังถูกสถาบันการเงินยื่นฟ้องตามกระบวนการศาลยุติธรรม

นายบุญธรรมเปิดเผยว่า สอค.นม.เป็นองค์กรส่งเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีจำนวนสมาชิกและทุนดำเนินการมากที่สุดในภูมิภาค ผลประกอบการแต่ละเดือนมียอดเก็บเงินค่าหุ้นสมาชิก เงินต้นชำระหนี้ รายได้จากดอกเบี้ยและอื่นๆ รวมกว่า 400 ล้านบาท รายจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 100 ล้านบาท เหลือเงินบริหารจัดการกว่า 300 ล้านบาท ที่ผ่านมา สอค.นม.ได้ดำเนินนโยบายเป็นไปตามอุดมการณ์ให้การช่วยเหลือสมาชิกลดยอดการส่งยอดเงินต้น ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายในการดำรงชีพรวมทั้งสามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตดีและความสุขในสังคม ขณะนี้สมาชิกกว่า 11,000 ราย มียอดหนี้เฉลี่ยรายละกว่าล้านบาท บางรายเป็นลูกหนี้ซ้ำซ้อนทั้ง สอค.นม. หน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินที่มีสถานะทางกฎหมาย ส่วนใหญ่มีวินัยชำระหนี้ได้ตามกำหนดแต่ก็มีนับพันรายมีสถานะเป็นหนี้วิกฤตไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข หลายรายอยู่ระหว่างถูกยื่นฟ้องยึดทรัพย์ บังคับคดี หากไม่ช่วยเหลือสุดท้ายจะเป็นบุคคลล้มละลายและออกราชการ รวมทั้งผู้ค้ำประกันต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย เกิดภาระทางสังคม ขณะนี้มีสมาชิกทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประสบความเดือดร้อนได้มาขอคำปรึกษาและต้องการให้ช่วยเหลือ เยียวยาค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ นายทอง ประธานที่ปรึกษา ได้ริเริ่มจัดทำนโยบายร่วมกับธนาคารออมสินโดยนำรายชื่อสมาชิกที่มีภาระหนี้กับหน่วยงานที่มีสถานะทางกฎหมายมาพิจารณาเข้าสู่ระบบตามหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.เงินกู้สามัญแก้ไขปัญหาชำระหนี้ 2.เงินกู้สามัญอเนกประสงค์เพื่อชำระหนี้ที่มีสถานะทางกฎหมาย โดยให้สมาชิกกู้เงินไปปิดยอดหนี้ที่ค้างชำระกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ พร้อมปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ ธนาคารออมสินได้ตัดดอกเบี้ยพักค้างกว่า 30 ล้านบาท ถือเป็นผลพลอยได้อีก ล่าสุดนำเข้าสู่ระบบแล้ว 319 ราย รวมเป็นเงินกว่า 427 ล้านบาท ขณะนี้มีสมาชิร่วม 4 พันคน ประสงค์เข้าร่วมโครงการประเมินต้องใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินประมาณ 3.9 พันล้านบาท ซึ่ง สอค.นม.มียอดเงินเหลือสามารถช่วยเหลือเยียวยาโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเพื่อนครูที่ประสบปัญหาและช่วยลดหนี้ครัวเรือน ถือเป็นสหกรณ์ครูแห่งแรกในประเทศไทยที่มีโครงการช่วยเหลือสมาชิกให้รอดพ้นจากภาระหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนางทรงพรรณ เอี่ยมพานิช อายุ 48 ปี ครู ค.ศ.1 โรงเรียนบ้านหนองโสมง ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ก่อนบรรจุเป็นข้าราชการครูเมื่อปี พ.ศ.2562 ได้เป็นครูผู้ช่วยอยู่ที่โรงเรียนเอกชนในเขต อ.เมือง ได้ร่วมกู้และค้ำประกันกับเพื่อนครูด้วยกัน ต่อมาปี 2563 ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูและได้ชำระหนี้ตามสัญญามาต่อเนื่อง แต่เพื่อนครูได้ลาออกจากราชการและไม่ยอมชำระหนี้สิน 1.4 ล้านบาท ทำให้ถูกฟ้องล้มละลายในฐานะผู้ค้ำประกันและต้องชดใช้หนี้สินแทน หากไม่ชำระหนี้ต้องถูกให้ออกจากราชการ ทำให้คุณภาพชีวิตย่ำแย่กินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงตระเวนร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ

Advertisement

“จนกระทั่ง “มูลนิธิสุภา วงค์เสนา เพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้” ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและไกล่เกลี่ยหนี้ นายทอง ประธานที่ปรึกษา สอค.นม. รับทราบปัญหาความเดือดร้อนได้มาช่วยเหลือตนกำลังจะจมน้ำตาย ได้ยื่นมือมาคว้าจับให้รอดพ้นเหมือนได้รับชีวิตใหม่ ขอขอบคุณผู้บริหาร สอค.นม.” นางทรงพรรณกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยอาการดีใจอย่างสุดซึ้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image