ทหารเรือ นรข.บึงกาฬ ทลายขบวนการ ‘รถแลกยา’ ยึดยาบ้าได้ถึง 3.2 ล้านเม็ด รถยนต์อีก 7 คัน

ทหารเรือ นรข.บึงกาฬ ทลายขบวนการ ‘รถแลกยา’ ยึดยาบ้าได้ถึง 3.2 ล้านเม็ด รถยนต์อีก 7 คัน

ที่สถานที่เรือบึงกาฬ (นรข.บึงกาฬ) พล.ร.ต.สมาน ขันธพงษ์ ผบ.นรข นายนฤชา โฆษาศิวิไลช์ ผวจ.บึงกาฬ , นายนพดล จอมเพ็ชร ปลัดจังหวัดบึงกาฬ และหน่วยงานความมั่นคง แถลงข่าวการจับกุมยาบ้า 3,200,000 เม็ด (มูลค่าราว 96 ล้านบาท) และรถกระบะที่กำลังจะลำเลียงลงเรือข้ามแม่น้ำโขง ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกจำนวน 7 คัน คาดนำรถแลกกับยาบ้า

ทั้งนี้ น.อ.จิรัฏฐ์ ผูกทอง ผบ.นรข.เขตหนองคาย โดย น.ท.ศิริพงษ์ นพไธสง หน.สน.เรือบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.เรือบึงกาฬ บริเวณพื้นที่บ้านคำหมื่น ต.ไคสี อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกับสั่งการให้ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สน.เรือบึงกาฬ วางแผนในการสกัดกั้น และจับกลุ่ม ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดซุ่มเฝ้าตรวจบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืน ตรวจพบเรือหางยาวจำนวน 1 ลำ บนเรือมีกลุ่มบุคคลประมาณ 4-5 คน นั่งมาด้วย แล่นข้ามจากกลางลำน้ำโขง เข้ามาจอดเทียบฝั่งห่างจากจุดชุดซุ่มเฝ้าตรวจประมาณ 100 เมตร

ต่อมาได้มีรถต้องสงสัย 1 คัน ขับเข้ามาจอดบริเวณกระท่อม ภายในสวนยางพาราใกล้กับจุดเรือจอด จากนั้นกลุ่มบุคคลที่มากับเรือได้ช่วยกันลำเลียงวัตถุต้องสงสัยที่บรรทุกมา ขึ้นมาใส่ไว้ในรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่คนขับเรือไหวตัวทัน จึงขับเรือแล่นกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทันที

ส่วนรถต้องสงสัยขับออกจากพื้นที่ทันที จึงวิทยุให้อีกชุดสกัดกั้นตามเส้นทาง ไปพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 3 ขช 3246 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างคอกวัว ห่างจากจุดแรกประมาณ 3 กิโลเมตร จึงเข้าตรวจสอบ ไม่พบผู้ขับขี่ เมื่อตรวจสอบภายในรถพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยสีดำวาง 7 กระสอบ และเมื่อแกะออกพบว่าเป็นยาบ้า จึงตรวจยึดนำของกลางมาตรวจสอบที่สถานีเรือบึงกาฬ

Advertisement

ในขณะเดียวกัน ชุดปฏิบัติการพิเศษ นรข. และชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ ร่วมกับสถานีเรือบึงกาฬ เข้าสกัดการลักลอบนำรถยนต์ออกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณท่าทราย บ้านท่าอินทร์แปลง ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ พบกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 8 คน แต่งชุดลายพรางคล้ายทหารนั่งมากับเรือแพจำนวน 2 ลำ เข้ามาเทียบท่าริมแม่น้ำโขง

จากนั้นมีรถยนต์จำนวน 4 คัน วิ่งลงมายังเรือแพ ในลักษณะพรางไฟมืด ชุดเฝ้าตรวจทั้งหมดได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ชุดลำเลียงรถยนต์ที่อยู่บนเรือแพ ได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าตรวจ จึงทำการยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นการหลบหนี นานกว่า 20 นาที หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ก็เข้าตรวจสอบพื้นที่พบรถยนต์จำนวน 3 คัน 1.รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ ISUZU สีเทา (ป้ายแดง) ทะเบียน ฉ 8672 กทม. 2.รถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน บธ 429 ภูเก็ต 3.รถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน บบ 9648 ชุมพร 4.วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ BAOFENG สีดำ จำนวน 1 เครื่อง และ 5.กุญแจรถยนต์ จำนวน 4 ดอก (ยี่ห้อ TOYOTA ทั้งหมด)

จึงวางกำลังโดยรอบและตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง พบ 1.รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน กต 6216 สุพรรณบุรี 2.รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน ขข 3707 นครราชสีมา 3.รถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน บล 6767 กาฬสินธุ์ 4.รถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อรุ่งเช้าจึงยึดรถยนต์ทั้ง 7 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ สน.เรือบึงกาฬ

Advertisement

พล.ร.ต. สมาน ขันธพงษ์ ผบ.นรข กล่าวว่า จาการตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งที่บรรทุกยาบ้า พบกระเป๋าสตางค์ภายในมีพระเครื่องบัตร ATM และเอกสารเป็นบัตรประจำตัว กศน.บ้านป่าคา จ.กำแพงเพชร ของผู้ต้องสงสัยเป็นชายชื่อนายสุชาติ ปู่ตือ ซึ่งได้ให้พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บลายนิ้วมือ DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัยผลออกมาตรงกันก็สามารถ ออกหมายจับได้ทันที

ส่วนรถยนต์ที่กำลังลำเลียงข้ามแม่น้ำโขงทั้ง 7 คันนั้น คาดว่าน่าจะมีความเกี่ยวโยงกันกับยาบ้าล็อตนี้ ลักษณะนำรถไปแลกกับยาบ้า ซึ่งที่ผ่านมาจากการสืบสวนสอบสวนจะมีลักษณะแบบนี้ โดยที่เกิดเหตุทั้ง 2 เคสนั้น หากกันกว่า 20 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม หากประชาชนสงสัยว่าเป็นรถยนต์ของตนเองที่ถูกขโมยมา ก็สามารถสอบถามหรือนำเอกสารมายืนยันได้ที่ สภ.เมืองบึงกาฬ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เพียงระยะเวลา 3 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงสามารถสกัดจับยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ประกอบด้วย วันที่ 3 กุมภาพันธ์ จำนวน 4 ล้านเม็ด วันที่ 17 กุมภาพันธ์ จำนวน 3 ล้านเม็ด และ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวน 3 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และมีการสอบสวนขยายผลไปหาเครือข่ายจนสามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 10 ราย มีทั้งตำรวจ ทหาร ผู้นำชุมชน ประชาชนทั่วไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image