คนร้ายวางระเบิดทหารเจ็บ 1นาย จนท.ไม่กล้าเข้าตรวจ หวั่นลวงสังหารซ้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ร.ต.อ.ประจวบ ประเสริฐแก้ว หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตชด. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และพนักงานสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบจุดระเบิดที่คนร้ายจุดชนวนดักสังหาร จ.ส.อ.ธีระพงศ์ ขวาไทย หน.ชุดลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนน ตรงข้ามปั๊มน้ำมันซัสโก้ร้าง ซึ่งตั้งอยู่บ้านตือระ หมู่ 2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก เมื่อเวลา 01.45 น. แต่เจ้าหน้าที่ไม่กลัวเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เกรงคนร้ายจะวางแผนลวงเพื่อดักสังหารซ้ำ

จากการตรวสอบ พบที่โคนเสาไฟฟ้ามีหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 10 กก.จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนถนน และดวงไฟส่องสว่างได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนปากคำ จ.ส.อ.ธีระพงศ์ หน.ชุด แล้วในกรณีคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหาร โดยเหตุเกิดขึ้นขณะนำกำลัง รวม 8 นาย เดินลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทาง และระเบิดได้เกิดขึ้นในขณะที่ จ.ส.อ.ธีระพงศ์ เดินผ่าน ซึ่งล่าสุด จ.ส.อ.ธีระพงศ์ หน.ชุด หลังจากแพทย์ปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่ต้นสังกัด

ด้าน พ.ต.อ.กองอรรถเปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นเป็นคนร้ายกลุ่มเดิม ที่เคยลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่หารชุด รปภ.ครู ฉก.นราธิวาส 36 เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ส่วนในครั้งนี้คนร้ายได้นำระเบิดมาวางดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารในจุดเดิม แต่ครั้งนี้โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

สำหรับความคืบหน้ากรณีการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายนั้น ในเวลา 05.00 น. พ.ต.อ.กองอรรถ  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นิติ สุขสันต์ สารวัตรกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 36 จำนวน 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านต้องสงสัย จำนวน 2 หลัง ในพื้นที่หมู่บ้านตือระ หมู่ 2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก เลขที่ 179/1 และบ้านเลขที่ 179/6 แต่ไม่พบหลักฐานใดๆเชื่อมโยงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด