สาวแม่สอด สุดช้ำ ออมเงินได้ 4 พัน มิจฉาชีพหลอกให้กดยกเลิก โครงการคนละครึ่ง เงินหายเกลี้ยง
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า แก๊งมิจฉาชีพหลากหลายรูปแบบยังคงหาเหยื่อหลอกดูดเงินอย่างไม่หยุดหย่อน และมีผู้ถูกหลอกดูดเงินในธนาคารเสียหายไปหลายราย โดยมีคนที่ถูกหลอก ที่ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด และไม่ไปแจ้งความตำรวจ เพราะไม่หวังว่าจะได้รับเงินที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพดูดไปกลับคืนมา แต่ น.ส.วรรณ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี รายนี้อยู่ในชุมชนอิสลาม ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีอาชีพทำอาหารขาย และเก็บเงินออมเงินไว้วันละนิดวันละหน่อย ต้องตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ได้ตัดสินใจไปแจ้งความตำรวจ สภ.แม่สอด และอยากเปิดเผยข้อมูลให้คนอื่นได้รับรู้เพื่อจะได้ระวังกัน
น.ส.วรรณบอกว่า มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นเบอร์ธรรมดา จึงรับสาย และทางมิจฉาชีพบอกว่า ให้ไปแจ้งยกเลิกโครงการคนละครึ่งของร้านค้าที่ทำกันไว้ ไม่งั้นจะต้องเสียภาษีเพิ่ม ซึ่งตนเองได้สมัครไว้จริง จึงเชื่อสนิท และกลัว โดยถามกลับไปว่า จะต้องทำอย่างไร ได้รับคำตอบให้ไปทำเรื่องยกเลิกที่ศาลากลางจังหวัดตาก แต่แจ้งไปว่า ไม่สามารถไปได้ เพราะปัญหาสุขภาพขาไม่ดีเดินไม่ได้ ขอยกเลิกทางนี้ได้มั้ย ทางมิจฉาชีพได้แนะนำให้เข้าไปที่เว็บบราวเซอร์กูเกิลโครม เมื่อเข้าไปเว็บก็ทำตามที่เขาบอก และพบว่า เป็นเว็บของกรมสรรพากร ดูแล้วน่าเชื่อถือมาก จึงทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง จนพบชื่อธนาคารแห่งหนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จากนั้นคนร้ายได้ขอรหัสไป
โดยบอกว่า อีก 3 วัน จะมีเอกสารจากกรมสรรพากรไปถึงที่บ้าน และให้เก็บไว้ หากมีเจ้าหน้าที่สรรพากรไปที่บ้านให้ใช้เอกสารนี้แสดง จากนั้นวางสายไปประมาณ 10 นาที เงินในบัญชีของธนาคารตนเองหายไปเกือบ 5,000 บาท ทำให้รู้ว่าถูกหลอก และไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด และนำหลักฐานบันทึกประจำวันไปแจ้งต่อทางธนาคาร แต่ทางธนาคารให้ไปประสานทางตำรวจอีกเพื่อเอาหลักฐานการดำเนินคดี ทำให้ยุ่งอยากมาก จนไม่อยากจะได้เงินคืนแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 โดย น.ส.วรรณได้โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมกับโชว์หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรไปหลอก เพื่อเตือนคนในชุมชนและคนทั่วไป ย้ำไม่ให้รับเบอร์โทรศัพท์หมายเลขนี้ แต่จนถึงวันนี้ต้องรอเอกสารจากทางตำรวจ เพื่อไปยื่นทางธนาคาร ซึ่งล่าช้ามาก