สลด! เผาตอซังข้าวหวังเป็นปุ๋ย กลับโดนคลอกดับคาทุ่งนา

สลด! เผาตอซังข้าวหวังเป็นปุ๋ย กลับโดนคลอกดับคาทุ่งนา นายก อบต.ชี้ได้รณรงค์อย่างเข้ม เตรียมช่วยเกษตรไร่อ้อยข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าไฟไหม้ทุ่งนาและไร่อ้อย และไฟได้คลอกหญิงชราเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนาบ้านประดู่ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม และแพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านด่านร่วมชันสูตร

ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาในเขตรอยต่อ ต.วังเหนือ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน และ ต.หนองใหญ่ อ.สตึก ห่างจากหมู่บ้านประดู 5 กม. พบไฟกำลังลามทุ่งนาไปติดกับไร่อ้อยของชาวบ้าน รถดับเพลิงเทศบาลปราสาท ได้เร่งสกัดไฟเอาไว้ไม่ให้ลามต่อ

Advertisement

ห่างจากถนน 300 เมตร พบศพนางทอง โยงรัมย์ อายุ 73 ปี ในสภาพสวมเสื้อชั้นในกับผ้าถุง มีร่องรอยการถูกไฟไหม้ทั่วร่าง นอนตะแคงเสียชีวิต

สอบถามนางเชียร พรมบุตร อายุ 63 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ตนกับพี่สาวคือผู้ตายและสามีรวม 3 คน จะจุดไฟเผาตอซังข้าวเพื่อให้โล่งเตียน โดยได้วางแผนยืนอยู่คนละจุดแล้วลงมือจุดไฟพร้อมกัน ให้แต่ละคนเฝ้าระวังไม่ให้ลามไปไกล โดยเฉพาะไร่อ้อยที่อยู่ติดกัน ระหว่างที่ไฟกำลังลุกไหม้อยู่นั้น ได้มีลมกระโชกเข้ามาแล้วเปลี่ยนทิศทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนมองไม่เห็นกันจนกระทั่งไฟเริ่มสงบ มาพบว่าพี่สาวได้เสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่าตื่นตระหนกไม่เคยเจอมาก่อน

Advertisement

นายเทือง พรมบุตร อายุ 66 ปี น้องเขยผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนมีหน้าที่อยู่ฝั่งไร่อ้อยของชาวบ้าน ป้องกันไม่ให้ไฟลาม แต่ยอมรับว่าลมแรงและหมุนไปมา ทำให้เอาไม่อยู่ ช่วงนั้นยอมรับว่าควันไฟคละคลุ้งมองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงพี่ภรรยากำลังวิ่งออกไปเหมือนจะหนี จึงวิ่งลัดป่าอ้อยเพื่อจะหาทางช่วย แต่สุดท้ายไม่ทัน พี่ภรรยาได้เสียชีวิตแล้ว

ด้านนายสัญญา ชาญวิเศษ นายก อบต.วังเหนือ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า พื้นที่ 3 ตำบลใกล้กัน ชาวบ้านจะทำการเกษตรหลายชนิด มีทั้งมันสำปะหลัง ข้าวและอ้อย ที่ผ่านมาผู้นำทั้ง 3 ตำบลได้มีการจับมือรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านจุดไฟเผาตอซังข้าวและอ้อย เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นพิษที่กำลังจะรุนแรงอยู่ในขณะนี้

โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ถึงกับสั่งกำชับอ้อยที่ถูกไฟไหม้จะไม่รับซื้อหากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ ทำให้เกษตรกรไม่กล้าเผาอ้อย แต่ครั้งนี้ดูแล้วเจ้าของไร่อ้อยน่าจะสุดวิสัย ยอมรับว่าเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต และเสียดายอ้อยของเกษตรกรที่อยู่ติดกัน ยังไม่รู้ว่าโรงงานน้ำตาลจะรับซื้อหรือไม่ ซึ่งหากโรงงานน้ำตาลปฏิเสธการรับซื้ออ้อยจากไร่นี้ คาดว่าไฟเผาไปประมาณ 3-5 ไร่ ตนอาจจะยื่นมือมารับซื้ออ้อยเอาไว้แล้วเอาให้ชาวบ้านที่ยากไร้ หีบขายเป็นน้ำตาลสด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนทั้งสองฝ่าย และขอแจ้งเตือนเกษตรกรที่คิดจะเผาตอซังข้าวว่าไม่คุ้มเสีย แทนที่จะได้ปุ๋ยจากตอซังข้าว กลับมาสูญชีวิตคนทั้งชีวิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image