แม่ค้าปวดหัว จู่ๆ ได้รับหมายศาลเช็คเด้ง เชื่อมิจฉาชีพแอบใช้เอกสารเก่า-ปลอมลายเซ็น
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงอีกรูปแบบหนึ่ง โดยคาดว่าน่าจะเอาเอกสารเก่าไปปลอมลายเซ็นแล้วไปกู้เงินนอกระบบ จึงอยากให้เผยแพร่เพื่อเป็นอุทาหรณ์
น.ส.วรรณเพ็ญ เกตุชาติ อายุ 47 ปี ได้นำเอกสารหนังสือสัญญาเงินกู้ที่ถูกส่งมาให้พร้อมกับหมายศาลตลิ่งชัน กรุงเทพฯ มาให้ดูเป็นหลักฐาน พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีหมายศาลอาญาตลิ่งชันมาปิดป้ายไว้หน้าบ้าน เป็นคดีดำที่ อ 352/2566 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีนายสุรศักดิ์ อินทร์กำเนิด เป็นโจทก์ฟ้องความอาญา ผู้แจ้งกับพวก รวม 6 คน เป็นจำเลย ในจำนวนนี้มีตนรวมอยู่ด้วย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยหมายศาลระบุให้ไปพบศาลในวันที่ 29 เมษายน 2566
น.ส.วรรณเพ็ญกล่าวว่า เห็นหมายศาลรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยมีเช็ค ไม่เคยกู้เงินนอกระบบ กระทั่งคิดได้ว่าเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนมีคนรู้จักกันพาชายอีก 1 คน อ้างว่าเป็นทนาย รวมเป็น 2 คน มาบอกว่าสามารถเจรจากับธนาคารได้ เพราะก่อนหน้านั้นได้ไปปรึกษากับคนที่รู้จักว่า เอาเงินไปชำระหนี้กับธนาคารแต่เงินต้นไม่เคยลดลง
ตอนนั้นทั้งสองคนที่มาหาที่บ้านบอกว่าสามารถวิ่งคดีได้ทุกเรื่อง กรณีนี้จะเอาเรื่องไปร้อง สคบ.เพื่อเรียกค่าเสียหายกับธนาคารที่ไม่ยอมตัดเงินต้นให้ น่าจะได้เงินค่าเสียหายมากกว่า 100,000 บาท หากได้เงินมาจะขอแค่ค่าดำเนินการเท่านั้น ตนจึงให้เอกสารเป็นสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน สัญญากู้ของธนาคาร ให้แก่เขาไป
ต่อมารู้สึกไม่ได้ผลจึงโทรศัพท์ขอเอกสารคืนแต่ไม่ได้คืน แล้วเรื่องก็เงียบไป และคิดว่าแค่เอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนกับสัญญากู้เงินธนาคารคงจะทำอะไรไม่ได้ จึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 ได้มีหมายศาลจากศาลอาญาตลิ่งชันมาปิดไว้หน้าบ้าน
น.ส.วรรณเพ็ญกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบในหมายศาลพบว่าตนกับพวก รวม 6 คน ทั้งหมดอยู่หลายจังหวัด มีทั้งในกรุงเทพฯ ภาคใต้ และอีสาน ตนกู้เงินทั้งหมดรวม 2 ล้านบาท ตอนนี้สามารถติดต่อผู้ถูกฟ้องได้คนเดียว เมื่อสอบถามหญิงคนดังกล่าวก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน
ส่วนตัวเชื่อว่าชายทั้งสองคนน่าจะเอาเอกสารของตนไปซื้อสมุดเช็คธนาคาร แล้วเอาไปกู้เงินนอกระบบ หรืออาจจะสมมุติเจ้าหนี้ขึ้นมา แล้วแจ้งความเพื่อให้ศาลเป็นคนออกหมายเรียก ซึ่งหากว่าเราตกใจหรือหวาดกลัวอาจจะเข้าทางกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เพื่อเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย เรียกเงินจากพวกตนก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดไม่หวั่น เพราะลายเซ็นในเช็คไม่ใช่ลายเซ็นตน และอาจจะมีการฟ้องกลับเพราะทำให้เสียหาย
