3 สาวแจ้งจับญาติหลอกไปค้ากามที่ร้านนวด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

3 สาวแจ้งจับญาติหลอกไปค้ากามที่ร้านนวด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โชคดีหนีกลับมาได้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 มีนาคม พ.ต.ท.นัทธกานต์ วรรณพันธ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก น.ส.แพตตี้ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี น.ส.มายด์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ชาวสกลนคร และ น.ส.กี้ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาวอุดรธานี ระบุว่าถูกเครือญาติของ น.ส.แพตตี้ ชื่อ น.ส.ออย อายุ 28 ปี และ น.ส.หมิว อายุ 24 ปี ชาวอุดรธานี ชักชวนไปทำงานร้านสปา ที่เมืองอบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ถูกบังคับให้ค้าประเวณีกับลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงตัดสินใจหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทย จนถูกส่งตัวกลับในที่สุด พอถึงประเทศไทยได้ปรึกษาญาติ แนะมาแจ้งความดำเนินคดี และปรึกษาขอความช่วยเหลือจากนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยก” จากเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย อีกทางหนึ่ง

น.ส.แพตตี้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานอยู่คลินิกเสริมความงามที่ห้างมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ตนและเพื่อนปรึกษากันว่าอยากหางานทำที่ต่างประเทศ เพราะต้องการเงินเดือนมากขึ้น และอยากเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว ตอนแรกคุยกันว่าจะไปทำงานโรงงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่มีญาติทางพ่อตนชื่อ น.ส.ออย และ น.ส.หมิว ทั้ง 2 เป็นพี่น้องกัน และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน มาชักชวนให้ไปทำงานร้านสปาหรู “Belle Care Luxury Spa” ในเมืองอบูดาบี เดินทางไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะมีมาดามเจ้าของร้านออกให้ก่อน แต่จะต้องถูกหักเงินภายหลัง เรียกว่าค่าแท็ก จะได้เงินเดือนอย่างต่ำ 7 หมื่นบาท เขาอ้างว่าถ้าขยันจะได้ประมาณ 2-3 แสนบาท เหมือนกับพวกเขา

Advertisement

“ดิฉันและ น.ส.มายด์ เดินทางไปพร้อมกันเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 ส่วน น.ส.กี้ เดินทางไปวันที่ 17 มีนาคม พอไปถึงร้านนวดสปา พวกดิฉันก็ทำงานตามคอร์สที่ร้านจัดไว้ให้ลูกค้า ราคาตั้งแต่ 200-500 เดอร์แฮม (1 เดอร์แฮม ประมาณ 9.37 บาท) แต่มาดามแจ้งว่าจะต้องนำรายได้เข้าร้านทั้งหมด เพื่อหักเป็นค่าแท็ก หากอยากจะได้เงินไว้ใช้จ่ายหรือมีเงินเก็บ ก็ให้ถามหรือชักชวนลูกค้าใช้บริการพิเศษ ซึ่งหมายถึงการใช้มือ ใช้ปากสำเร็จความใคร่ หรือให้พนักงานนวดถอดเสื้อผ้าเล้าโลม แต่ไม่ให้มีการสอดใส่ ซึ่งบริการพิเศษนี้จะจ่ายต่างหาก ตั้งแต่ 100-300 เดอร์แฮม หากพวกตนไม่ทำก็จะถูกปรับเงิน 300 เดอร์แฮม และต่อเดือนต้องได้ลูกค้าพิเศษอย่างน้อย 10 ราย ถ้าไม่ถึงก็จะถูกปรับอีก 500 เดอร์แฮม” น.ส.แพตตี้กล่าว

Advertisement

น.ส.แพตตี้เปิดเผยว่า พวกตนทำงานได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงปรึกษากันว่าจะหาทางกลับบ้าน เพราะฝืนทำงานแบบนี้ต่อไปไม่ไหว มันไม่ใช่งานที่พวกตนคิดไว้ จึงได้พากันแอบเข้าไปปรึกษาที่สถานทูตไทยเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตอบรับและรับปากจะช่วยเหลือ พวกตนจึงแอบเก็บของและหนีกลับมาได้ในที่สุด และตนก็รีบโทรไปบอกแม่ ตอนที่ทำงานในร้าน เขาก็ไม่ได้ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ หรือกักขัง แต่จะใช้วิธีขู่หักเงินแทน พอมาถึงอุดรธานี แม่จึงพาพวกตนเข้ามาแจ้งความที่โรงพักทันที เนื่องจากการชักชวนเกิดขึ้นที่อุดรธานี และญาติทั้ง 2 คน ที่ชักชวนไปทำงานก็เป็นคนอุดรธานี พวกตนยืนยันว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับญาติทั้งสองคนจนถึงที่สุด และตอนนี้ญาติทั้งสองคนยังมีการส่งข้อความมาข่มขู่เรียกเก็บเงินค่าแท็ก อ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่มาดามออกให้ก่อน คนละ 6.5 หมื่นบาท เฉพาะของตน 6.9 หมื่นบาท และมาดามคนนี้เป็นคนจีนไม่ใช่คนไทย เขาข่มขู่จะตามเอาเรื่อง จะไม่ให้มีงานทำที่ไหนอีก

ส่วน น.ส.กี้เปิดเผยว่า พอเดินทางไปถึงที่ร้านนวดสปา น.ส.หมิวส่งสคริปต์งานมาให้ตน ซึ่งได้อ่านแล้วทำไมไม่เหมือนที่บอกตั้งแต่แรก แต่ตนก็นิ่งไว้ก่อน และโทรไปปรึกษากับญาติที่กรุงเทพฯ ซึ่งญาติได้โทรไปปรึกษาสถานทูต ครั้งแรกญาติบอกให้ตนหนีไปคนเดียว แต่ตนบอกว่ามาด้วยกันต้องกลับด้วยกัน แต่ก็กลัวว่าแพตตี้กับมายด์จะไปบอก น.ส.หมิว เพราะเป็นญาติกัน จึงถามลองเชิงก็รู้ว่าทั้งสองต้องการหลบหนีเช่นเดียวกัน ตนรอจนรุ่งเช้าและมีตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นตนวางแผนลางานว่าตาแดง ให้ น.ส.แพตตี้ไปทำงานกะเช้าเพื่อไม่ให้ร้านนวดสงสัย ส่วน น.ส.มายด์ตนบอกที่ร้านว่าไปกับแขกที่ดูไบ เพื่อให้เจ้าของร้านตายใจ พอถึงเวลา 11.00 น. ตนกับมายด์ก็นั่งแท็กซี่ออกไปรับแพตตี้ที่ร้านแล้วไปสถานทูต และเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ส่งไปสนามบิน เจ้าหน้าที่รอจนตนเข้าไปในเกตสนามบินจึงกลับ

น.ส.ดี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี แม่ น.ส.แพตตี้ เปิดเผยว่า ตนเป็นชาว อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร แยกทางกับพ่อของ น.ส.แพตตี้ ชาว อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ลูกสาวอยู่กับพ่อ ส่วนตนแยกออกมามีครอบครัวใหม่ และเพิ่งย้ายมาอยู่ จ.อุดรธานี กับสามีชาวต่างชาติได้ไม่นาน เมื่อวานนี้ลูกสาวโทรมาหา บอกว่าตอนนี้อยู่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังหาทางกลับบ้าน พอถึงแล้วจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ตอนนั้นตนก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าลูกทำงานอยู่สกลนคร ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ พอมาทราบเรื่องทั้งหมดก็ยิ่งเกิดความเสียใจว่าญาติกันแท้ๆ ทำไมถึงหลอกลวงกันได้ อยากให้ดำเนินคดีทั้งสองคน จะได้ไม่ไปหลอกลวงใครอีก แต่ตอนนี้ห่วงความปลอดภัยของลูก เพราะคิดว่าเจ้าของร้านเป็นพวกมีอิทธิพล เขาถึงกล้ามาข่มขู่กันแบบนี้ วอนตำรวจช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดด้วย

พ.ต.ท.นัทธกานต์ วรรณพันธ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งผู้กระทำความผิดอยู่นอกราชอาณาจักร จึงต้องประสานอัยการเพื่อร่วมสอบสวนอย่างละเอียด ในการประสานหน่วยงานดำเนินการร่วม เพื่อดำเนินการต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image