เชียงรายหมอกควันยังสูง พบไฟป่าหลายพื้นที่ เร่งจับกุมมือเผา-บุกรุกหลายราย

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวัดเชียงรายยังคงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เกิดไฟไหม้พื้นที่ป่าบนเทือกเขาดอยนางแลรอยต่อระหว่างตำบลท่าสุดกับตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้เป็นบริเวณกว้างกินเนื้อที่ไปแล้วจำนวนหลายร้อยไร่และยังขยายวงกว้างเนื่องจากพื้นที่มีเชื้อเพลิงสะสม และยังอยู่ใกล้กับบ้านเรือนประชาชน บ้านพลูทอง ม.11 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย โดยได้มีการระดมเจ้าหน้าที่เข้าให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีการร้องขอดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วม ใช้เวลากว่า 6 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

อย่างไรก็ตามแม้จะเกิดเหตุไฟป่าในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย และทำให้เกิดปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควันมากติดต่อกันหลายวัน แต่ปรากฏว่ายังพบมีการลักลอบเผาและบุกรุกป่าจำนวนมาก โดยล่าสุดขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 37 สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 โดยหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ยาว สำนักจัดการป่าไม้ที่ 2 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันลาดตระเวนเพื่อดับไฟป่าตามคำสั่งของนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์เหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน (ศบก.ไฟป่า) ส่วนหน้า จ.เชียงราย ปรากฏว่าขณะเจ้าหน้าที่ไปถึงป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยบ่อ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ได้พบไฟลุกไหม้และเกิดควันไฟคละคลุ้งทั่วภูเขา และพบชายจำนวน 1 คน ทราบชื่อต่อมาว่านายจันทัน (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว ต.แม่ยาว ลักษณะมีพิรุธโดยขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่ เปลวไฟที่กำลังลุกไหม้พงหญ้า และป่าละเมาะที่แห้งทำให้เกิดการลุกลามไปอย่างรวดเร็วเต็มขุนเขา


เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังกันเข้าดับไฟอย่างเร่งด่วนเบื้องต้นพบมีความเสียหายประมาณ 3 ไร่ 3 งานและ 17 ตารางวา และส่วนหนึ่งเช้าไปสอบถามนายจันทันก็ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นคนจุดไฟเผาป่าดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้ และสอบถามให้การว่าเขาได้เผาพื้นที่จากบริเวณใต้เขาที่มีพงหญ้ารกเพื่อให้ไฟลามขึ้นมาด้านบนสาเหตุเพราะต้องการเผารังต่อเพื่อเอาไข่ต่อมาบริโภค ทั้งนี้ยอมรับว่าผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศแจ้งเตือนไม่ให้เผาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว แต่ตนก็ยังเข้าไปเผาหวังได้รังต่อดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนำมาที่ศูนย์ฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่นเดียวกับพื้นที่ป่าทิศเหนือของบ้านกิ่วกาญจน์ หมู่ 6 ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มคนจำนวน 3 คน คือ นางสาวปาริตา นางหมี่เคอะ และนายวุฒิไกร ทั้งหมดกำลังใช้มีดตัดต้นไม้และแผ้วถางป่าเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปตรวจสอบพบมีผืนป่าถูกตัดต้นไม้เป็นบริเวณกว้างลักษณะของตอไม้ยังสดใหม่อยู่ จึงแจ้งให้หมดให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่น้ำโขงฝั่งขวา และเป็นแปลงเป้าหมายปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ (FPT) เมื่อตรวจสอบเพิมเติมยังไม่ปรากฏโครงสร้างอื่นใดของรัฐจึงสรุปได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปจัดการผืนป่า จึงได้ตั้งข้อหาทั้ง 3 คนว่ากระทำผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน “บุกรุก แผ้วถาง ครอบครอง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า” ประกอบมาตรา 55 และ 72 ตรี และ พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐาน “ยึดถือครอบครอง แผ้วถาง เผาป่า” ประกอบมาตรา 31 จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Advertisement

ทั้งนี้หลังจากที่นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้สั่งการให้เข้มงวด เจ้าหน้าที่ได้มีการออกลาดตระเวนหลายจุดจนพบผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืน ไฟแช็ก และยานพาหนะ จับ ปรับ และดำเนินคดีไปแล้วหลายราย จำนวนคดีเกี่ยวกับการเผา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 15 คดี โดยเป็นคดีที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ 5 คดี เกิดขึ้นในท้องที่ อ.แม่สรวย 2 คดี, อ.เมืองเชียงราย อ.แม่ลาว และ อ.พาน อำเภอละ 1 คดี มีคดีร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแต่ยังจับตัวไม่ได้ 10 คดี ทั้งหมดเกิดขึ้นในผืนป่าอนุรักษ์จำนวน 9 คดี ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 6 คดี

โดยวันนี้สภาพอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งกรมควบคุมมลพิษสามารถวัดค่าเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย ได้ 235 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อ.แม่สาย 306 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพื้นที่ อ.เชียงของ วัด 247 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

Advertisement

ซึ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหานอกจากทางจะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อาสาสมัครดับไฟป่า ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนระดมกำลังวันละหลายพันคน กระจายออกดับไฟในพื้นที่ 18 อำเภอแล้ว ทางจังหวัดเชียงรายยังมีการประสานของเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพอากาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้ามาร่วมสนับสนุนนำน้ำเข้าดับไฟในพื้นที่สันเขาสูงและที่มีการลุกไหม้เป็นบริเวณกว้าง รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 37 ได้มีการระดมนำรถบรรทุกน้ำระดมฉีดน้ำตามชุมชนต่างๆ ทั้งเขตพื้นที่ชั้นในและอำเภอชายแดน เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ เพื่อบรรเทาเบาบางช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้เชื้อเพลิงสะสมถูกเผาไหม้ไปค่อนข้างมาก ประกอบกับในสัปดาห์หน้าจะมีมรสุมพัดผ่านในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์หมอกควันไฟคลี่คลายลงได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image