“ผู้ว่าฯ” แจง ปม มติครม.ปลดล็อกที่ดินเขาค้อจากป่าสงวนฯเป็นที่ราชพัสดุ พ้อ!ถูกด่าว่าเป็นโจรในเครื่องแบบ

“ผู้ว่าฯ” แจง ปม มติครม.ปลดล็อกที่ดินเขาค้อจากป่าสงวนฯเป็นที่ราชพัสดุ พ้อ!ถูกด่าว่าเป็นโจรในเครื่องแบบ ยันไม่มีที่ดินบนเขาค้อแม้แต่นิ้วเดียว

เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ 5 เมษายน นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนรงมทั้งตัวแทยชาวบ้านในเขตพื้นที่ 4 ตำบล อ.เขาค้อ เพื่อชี้แจง มติครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 ปลดล็อกที่ดินเขาค้อ โดยให้กรมป่าไม้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ และให้กรมธนารักษ์เข้าดำเนินการตามกฎหมายที่ราชพัสดุ โดยมีธนารักษ์จังหวัด ป่าไม้จังหวัด และที่ดินจังหวัดร่วมชี้แจงพร้อมตอบข้อสงสัยจากผู้ร่วมประชุม

นายกฤษณ์กล่าวว่า ประเด็นปัญหาที่ดินเขาค้อเป็นข้อพิพาทระหว่างราษฎรกับรัฐยืดเยื้อมา 30-40 ปีแล้ว จนมีข้อสรุปกันว่าทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ราษฎรออกจากป่าสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข เมื่อปี 2562 สมัยผู้ว่าสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ มีการทำประชาคมซึ่งทุกทิศทางต้องการให้ทางจังหวัดเสอแนวทางแก้ไขให้ ตอนนั้นมี 3 แนวทาง ไดเแก่ ป่าไม้ให้เช่า เป็นธนารักษ์ และเป็นคทช. แต่การที่จะให้เป็น คทช.นั้นก็มีปัญหา เพราะมีการกำหนดคุณสมบัติให้ทำอาชีพเกษตรเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ทำอาชีพเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่มีอาชีพหลากหลาย

นายกฤษณ์กล่าวว่าส่วนกรณีป่าไม้ให้เช่านั้น ทางอธิบดีกรมป่าไม้ยืนยันไม่สามารถให้เช่าได้ เพราะมีสิ่งปลูกสร้างอยู่แล้ว กระทั่งได้ข้อสรุปสุดท้ายเพื่อให้ชาวบ้านหลุดจากกฎหมายป่าไม้ก่อน จึงมีการออกในรูปแบบของธนารักษ์ จึงมีการเสนอไปตั้งแต่ปี 2564 แต่เรื่องก็ชักช้า เพิ่งมีมติคณะรัฐมนตรีออกมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากการช่วยเหลือจากบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งตนไม่อยากระบุชื่อ เพราะเป็นช่วงเลือกตั้ง ได้ไปคุยกับนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการสั่งการให้ช่วยแก้ไขปัญหาเขาค้อก่อนยุบสภา

ADVERTISMENT

นายกฤษณ์กล่าวว่า ในมติ ครม.ก็มีเขียนชัดเจนว่าไม่ตัดสิทธิ์การพิสูจน์ที่จะออกโฉนด แต่ตอนนี้แม้จะมีมติ ครม.แต่ยังไม่มีการทำอะไรเลยในหน่วยงานของรัฐ ทางจังหวัดจะตัองผลักดันต่อ ซึ่งตนได้มีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นธนารักษ์ ไม่ว่าจะเป็นโฉนดหรือ คทช. คือจุดมุ่งหมายเดียวกันคือให้ชาวเขาค้อ หลุดจากสิ่งที่ตนต้องจำใจทำ เพราะทั้งตัวผู้ว่าฯ ,ป่าไม้ นายอำเภอ ถูกร้องว่าละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่คือบีบให้ตนไปจับพวกเรา แต่ผู้ว่าฯถือหมวก 2 ใบคือเจ้าหน้าที่ในการปราบปราบ และอีกใบต้องช่วยชาวบ้าน ฉะนั้นจึงหาทางออกในสิ่งที่ดีที่สุดให้

“ผมและครอบครัวไม่มีที่ดินบนเขาค้อแม้แต่นิ้วเดียว แต่ทุกวันนี้ตั้งใจไว้ว่า ถ้าเป็นผู้ว่าฯเพชรบูรณ์จะแก้ปัญหาเขาค้อ ภูทับเบิกให้ได้ และจะเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของจังหวัด ซึ่งเราก็เดินมาทางนี้ แต่ระยะหลังมีพวกเราไปได้ข้อมูลใหม่ว่าจะมีช่องทางจะต่อสู้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าสามารถสู้ไปได้ ซึ่งก็ไปอีกสเต็ปแต่ตอนนี้ยังเป็นลมเป็นแล้งอยู่ ยังไม่มีอะไรที่มารองรับอะไรพวกเราเลย แม้กระทั่งเรื่องของธนารักษ์ เราก็ต้องผลักดันต่อไป เพื่อให้เขาทำตาม มติ ครม. ผมจึงเชิญพวกเรามาชี้แจงทำความเข้าใจ”นายกฤษณ์กล่าว

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตามจากนั้นทางธนารักษ์จังหวัดฯ ได้ชี้แจงข้อดีข้อเสียหากปรับเปลี่ยนเป็นที่ราชพัสดุ โดยชี้ว่าราษฎรครอบครองทำประโยชน์อยู่แล้ว ส่วนข้อเสียหากเปลี่ยนมาเป็นที่ราชพัสดุมี 2 ข้อๆแรก มีการเช่าก็ต้องชำระค่าเช่ากับกรมธนารักษ์ และข้อสองหากจะดำเนินการอะไร ก็ต้องขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ก่อน ส่วนข้อดีหากยอมรับสิทธิการเช่า ทางรัฐจะยอมรับสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่าได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม รีสอร์ต ปั้มน้ำมัน ฯลฯ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่น และยังสามารถนำสัญญาเช่าซึ่งมีอยู่ 4 ประเภท ไปติดต่อขอน้ำขอไฟฟ้า ลงทะเบียนเกษตรกร ขอเลขที่บ้านที่ไม่ใช่เลขที่บ้านชั่วคราว และข้อสำคัญทางอบต.สามารถสนับสนุนงบฯทำสาธารณูปโภคได้เต็มที่ และยังนำสิทธิการเช่าไปผูกพันเงินกู้หรือกู้แบงค์ได้

ในขณะที่ทางป่าไม้จังหวัดฯ และทางที่ดินจังหวัดฯชี้แจงถึงข้อเด่นและข้อด้อยหากพื้นที่ยังเป็นป่าสงวนฯ โดยป่าไม้จังหวัดฯสรุปถึงขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า ค่อนข้างยุ่งยากสลับซับซ้อน และหากพื้นที่ขออนุญาตมีสิ่งปลูกสร้างจะไม่ได้รับการพิจารณา หากไม่มีมติ ครม.หรือกฎหมายอื่นรองรับ ส่วนที่ดินจังหวัดฯชี้แจงสรุปว่า แม้จะมีใบจองขบวนการอนุญาตถูกต้อง แต่บางทีก็ออกโดยผิดพลาด อาทิ ไปออกเขตเขา ปริมณฑลรอบเขา เขตความลาดชันเกิน ส่วนโอกาสพิสูจน์สิทธิ์แม้จะมี แต่ก็ไม่รับปากว่าจะได้หรือไม่ ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากพนักงานที่ดินส่วนแยกเขาค้อตีความว่า ในพื้นที่เป็นเขตเขาทั้งหมดก็เลยต้องห้าม ฉะนั้นหากไปเป็นธนารักษ์น่าเป็นทางออกที่ดี

อย่างไรก็ตามก็มีชาวบ้านตั้งคำถามถึงอัตราค่าเช่าและเป็นที่ดินตนเองทำไมต้องเสียค่าเช่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจงว่า ยังไม่จบทางกรมธนารักษ์ยังไม่ตอบ ในขณะที่ทางธนารักษ์จังหวัดกล่าวว่า ที่ดินตัวเองแต่จริงๆเป็นที่ดินป่าสงวน แต่อยู่กันมานานไม่อยากจ่ายค่าเช่า ซึ่งทางจังหวัดเสนอไปราษฎรเดิม, รอส.และลูกหลานทายาท 10 ปีแรกอยู่ฟรี ปีที่ 11 เก็บค่าเช่าไร่ละ 20 บาทต่อปี ส่วนราษฎรที่ทำการเกษตรอัตราเช่า 10 ปีแรกไร่ละ 20 บาท แต่ถ้าเป็นธุรกิจโรงแรมรีสอร์ตไร่ละ 200 บาทต่อปี ซึ่งนายกฤษณ์กล่าวเสริมว่า ถูกทางกรมธนารักษณ์ซักถามมาว่า ทำไมผู้ว่าคิดอัตราแบบนี้หากเปรียบเทียบกับจังหวัด จึงชี้แจงไปว่า ข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน แต่หากกรมธนารักษ์จะว่ายังไงก็ต่อรองมา

นายกฤษณ์ยังกล่าวชี้แจงกรณีที่มีผู้ใหญ่บ้านบางรายเสนอให้ผู้ว่าฯจัดประชุมผู้เห็นต่างทั้ง 35 หมู่บ้านอีกว่า ยินดีรับไว้พิจารณา แต่ปัญหาจะไม่เกิดหากไม่มีการโต้แย้งหรือเอาประเด็นพวกนี้มาทะลาะกัน ตนก็มีสายข่าวอยู่เอาผู้ว่าฯเอานายอำเภอไปด่าเป็นโจรในเครื่องแบบ อยู่ในไลน์ในกลุ่ม ซึ่งตนเห็นแต่ไม่ได้เอาเรื่องเอาราว ตนไม่ใช่โจรและจะไปเอาอะไรกับคนเขาค้อ ที่ทำมาก็พยายามจะช่วยและแก้ไขปัญหาให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์ ท่านนายอำเภอโดนอ่วมเลย เป็นเหตุให้ตนเชิญมาพูดคุยกันในวันนี้

“เรื่องนี้คิดว่าคนเขาค้อรู้ดีที่สุด ไม่ต้องมีใครไปชี้แจงก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่า ตัวเองอยู่ในสถานะอย่างไร และสิ่งที่ทางราชการทำก็ผ่านการประชาคมตั้งแต่ปี 63-64 แล้วพวกเราก็มากลับลำในปีนี้ ส่วนผู้ว่าฯกับนายอำเภอกลายเป็นโจรไปเลย ก็เลยจะขอร้องพวกเราพูดคุยกันอย่าทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ทุกอย่างมีเป้าหมายไปทีละขั้นตอน ใครรับรองได้ว่าสิ่งที่เขาให้ความหวังพวกเรามันจะได้ ผมเอามาวิเคราะห์หมดแล้วมันเป็นไปได้ยากมากๆ เราจึงต้องออกไปทีละสเต็ปแบบนี้ แต่หากมีข้อมูลหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือนโยบายเปลี่ยนแปลง เราไปสู่จุดหมายนั้นก็ไปได้ไม่ได้สกัดกั้น”นายกฤษณ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image