เมียโวยบริษัท ผัวโชเฟอร์ โดนบังคับขับรถทัวร์ ไปกลับกรุงเทพฯ-ชัยภูมิ วันละ 3 รอบ จนวูบ จ่ายค่าจ้างเดือนละ 3 พันบ. ร้องแรงงานชัยภูมิช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 7 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุภาพร อธิธาดา อายุ 52 ปี โพสต์เรื่องราวของ นายมานพ อธิธาดา สามี พนักงานขับรถทัวร์ บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ วิ่งระหว่างจังหวัดชัยภูมิ-กรุงเทพฯ ระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งขาละ 6 ชั่วโมง จนแทบไม่พักผ่อนเพียงพอ และเกรงจะเกิดอุบัติเหตุหมู่ได้ จึงเกิดความกังวลจนอึดอัด ในการทำหน้าที่ของสามี ที่ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้โดยสารจำนวนมาก
ล่าสุด นางสุภาพร พร้อม นายมานพ เดินทางมายังสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชัยภูมิพร้อมกับสามี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานฯ เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นโดยมี นางสุภาพร พวงเดช นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชัยภูมิ รับหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับ นายมานพ อธิธาดา อดีตพนักงานขับรถรายนี้ และนำไปให้ข้อมูลในเรื่องและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางสุภาพร อธิธาดา อายุ 52 ปี กล่าวว่า สามีตนต้องทำหน้าที่คนขับเพียงคนเดียวตามลำพัง และที่สำคัญการทำงานไม่เป็นไปตามกฎหมายของกระทรวงแรงงาน ตำแหน่งพนักงานขับรถ มีความสำคัญต่อชีวิตผู้โดยสารเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องมีพนักงานขับรถประจำรถโดยสารปรับอากาศอย่างน้อย 2 คน เพื่อสับเปลี่ยน เนื่องจากระยะทางในการขับรถยาวนาน แต่บริษัทเดินรถกลับมีพนักงานขับรถที่เป็นสามีตนเพียงคนเดียวทำหน้าที่ทุกอย่าง ที่สำคัญต้องขับรถกลับหัว สามขา คือขับรถไปกลับ ชัยภูมิ-กรุงเทพฯ 3 รอบ ต่อเนื่องโดยไม่ได้พักผ่อน จนที่ผ่านมา สามีตนเกิดอาการวูบและเบลอ เนื่องจากร่างกายอ่อนล้าและพักผ่อนไม่เพียงพอ ได้รับค่าจ้างเดือนละ 3,000 บาท และถูกหักเป็นเงินสะสมเดือนละ 500 บาท โดยเงินสะสมจะคืนให้เมื่อลาออกจากงาน โดยต้องยื่นหนังสือบาออกล่วงหน้า 1 เดือน
นางสุภาพร กล่าวว่า ส่วนเงินเดือนหลังจากหักค่าตำรวจ รายทางบางเดือนได้รับค่าจ้าง 1,500-1,700 บาท ไม่คุ้มค่ากับการทำงาน จึงแสดงความประสงค์ลาออกจากงาน เมื่อสามีแสดงความประสงค์ลาออกนายจ้างได้ให้เขียนใบลาออก 1 ฉบับ ตนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากในเอกสารระบุว่า การลาออกผู้ลาออกยินดีจะไม่เรียกร้องเงินค่าชดเชยใดๆ รวมทั้งเงินที่หักสะสมก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้คืนด้วย จนเมื่อเวลา 23.15 น.ของเมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา สามีของตนแจ้งว่าเกิดอาการเมื่อยล้าจนไม่สามารถขับรถต่อได้อีก แต่นายจ้างยังยืนยันจะให้ขับต่อ ตนจึงรีบไปสกัดรถคันที่สามีขับไม่ให้ขับต่อเพราะเป็นห่วงทั้งชีวิตสามีและผู้โดยสาร พร้อมระบายความรู้สึก ไลน์สดในติ๊กต็อก ตามที่เห็น หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อนายจ้างเพื่อขอเคลียร์เงินทั้งหมด แต่นายจ้างลบไลน์ทิ้งจนตนไม่สามารถติดต่อได้
ด้าน นายมานพ อธิธาดา ผู้เป็นสามี กล่าวว่าตนเองได้มาขับรถที่บริษัทแห่งนี้ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา คนขับเปลี่ยนหายาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ คงหยุดลาออกจากบริษัทเพราะอายุมากแล้ว ไปประกอบอาชีพอื่นแทน
นางสุภาพร พวงเดช นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มตนองแรงงานจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า หลังรับหนังสือร้องเรียนจาก นายมานพ อธิธาดา พนักงานขับรถแล้ว จะได้เชิญตัวแทนบริษัทผู้ประกอบการ มาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือนายมานพต่อไป
น.ส.อุบลรัตน์ พุฒซ้อน นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานประกันสังคม จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายมานพ พนักงานขับรถ ได้ทำงานที่บริษัทดังกล่าวมามาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงขณะนี้ มีเงินสมทบกับประกันสังคมอยู่ 70,500 บาท และจะมีเงินจ่ายให้กรณีว่างงานวันละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 180 วัน ในกรณีถูกเลิกจ้างงาน
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ทำการของบริษัทรถทัวร์ดังกล่าว ยังพบมีการเปิดให้บริการเดินรถ และมีผู้โดยสารรอขึ้นรถโดยสารเดินทางไปตามปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายจรูญ จงไกรจักร ขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ได้เรียกเจ้าของบริษัทรายนี้มาทำการสอบสวน เบื้องต้นแล้ว ตัวแทนบริษัทได้ให้การว่า ได้ให้ทางพนักงานขับรถ เกินเวลาตามกฎหมายกำหนดจริง ขนส่ง จ.ชัยภูมิ จึงได้ให้มีการเปรียบเทียบปรับเงินนายจ้างเป็น 20,000 บาท จากโทษสูงสุด 50,000 บาท เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก ขณะที่ตัวแทนบริษัทแจ้งว่าเงิน 500 บาท ที่เก็บจากพนักงาน รวมถึงนายมานพด้วย เป็นเงินกองทุนสวัสดิการของพนักงาน ให้พนักงานได้กู้ยืมไปใช้ในครอบครัว โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ซึ่งข้อตกลงหากยื่นใบลาออกก่อน 1 เดือน จะคืนเงินส่วนนี้ให้ แต่หากลาออกกะทันหัน จะไม่ได้รับเงินส่วนนี้ ส่วนกรณีนายมานพ ขณะยังเป็นพนักงานบริษัทอยู่ ยังไม่อนุมัติให้ลาออก เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาจะให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
