เมื่อวันที่ 13 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโดยการอำนวยการของนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย พร้อมด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้า 3 ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ชุดเหยี่ยวไฟ และอาสาสม้ครดับไฟป่า ร่วมกัยนำรถบรรทุกน้ำและกำลังพล เข้าทำการดับและสกัดกั้นไฟ บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา ช่วงดอยกุเต็งนาโย่ง บ้านห้วยน้ำริน ม.7ต.เวียงพางคำอ.แม่สาย จ.เชียงราย
(ชมคลิป)
ภายหลังช่วงคืนที่ผ่านมาได้เกิดไฟลุกใหม้ป่าโดยไม่ทราบสาเหตุในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งไฟได้โหมลุกไหม้อย่างหนักก่อนจะลุกข้ามมายังตะเข็บชายแดนไทย และลามเข้ามายังเขตชายแดนไทย ซึ่งบริเวณดังกล่าวมี ค่ายทหารและบ้านเรือนของประชาชน ทำให้เจ้าหน้าต้องเร่งสกัดไฟเพื่อไม่เข้าในเขตทหารและย่านชุมชน ป้องกันความเสียหาย แต่พื้นที่ดังหล่าวเป็นภูเขาหน้าผาสูง จึงทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมเพลิงได้ค่อนข้างลำบาก ล่าสุดสามารถควบคุมไฟได้แล้ว บ้านเรือนประชาชนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่ยังต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากพื้นที่ชายแดน ในพื้นที่ชั้นในอย่างดอยจระเข้ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก็ยังเกิดไฟไหม้ในหลายจุด กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่เจ้าทำแนวกันไฟและสกัดไฟข้ามแนว เพื่อจำกัดพื้นที่ไม่ให้ขยายวงกว้าง แต่ไฟก็ลุกไม้ต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่ ต.แม่ยาว ต.แม่กรณ์ และต ดอยฮาง อ.เมือง ที่ยังมีไฟไหม้หลายจุด
ขณะที่ศปก.ไฟป่า ทส. (ส่วนหน้า ภาคเหนือ) รายงานข้อมูล hotspot ของ จ.เชียงราย พบว่ามีถึง 146 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มีต่ำกว่า100 จุด ส่งผลทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอำเภอชายแดน ซึ่งกรมควบคุมพลพิษรายงานค่าฝุ่นละอองชายแดนไทย-เมียนมาด้าน อ.แม่สาย ได้ 267 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ชายแดนไทย-ลาว อ.เชียงของ 249 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพื้นที่อ.เมืองเชียงรายวัดได้ 156 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาขน ล่าสุดทางนายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ประกาศขยายเวลาห้ามเผาโดยเด็ดขาดไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานทั้ง 18 อำเภอ เฝ้าระวังและเร่งดับไฟตามจุดที่เกิดไฟเพื่อลดภาวะหมอกควันให้เบาบางลง
