เตรียมส่งฟ้องผู้ต้องหา คดีบุกรุกโบราณสถานเขาแดง ‘บรรจง’ อัด ผู้ว่าฯสงขลาไร้ทิศทางฟื้นฟู-ปกป้องโบราณสถาน
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ที่สำนักงานอัยการภาค 9 เตรียมส่งฟ้องผู้ต้องในคดีบุกรุกโบราณสถานเขาน้อย อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นคดีสำคัญ ที่ทางสำนักงานศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนครเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2565 โดยคดีนี้ผ่านพ้นมาแล้วมากกว่า 1 ปี ทางสำนักงานอัยการจังหวัดได้แต่งตั้งคณะอัยการขึ้นมาพิจารณาคดี แต่เห็นว่าเป็นคดีสำคัญ จึงได้นำส่งสำนวนเสนอไปยังสำนักงานอัยการภาค 9 เพื่อพิจารณามีคำสั่งคดี
แหล่งข่าวระดับสูงแจ้งว่า ล่าสุดในคดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา และพนักงานอัยการประจำสำนักงานอัยการภาค 9 มีความเห็นตรงกันในการส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ในคดีนี้ โดยได้เสนอสำนวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างการรอความเห็น ลงมาในระดับพื้นที่
สำหรับคดีนี้มีลักษณะขุดตักดินและปรับหน้าดินเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ โดยขุดลึกประมาณ 20 เมตร ขอบบ่อดินกลายเป็นหน้าผาสูงห่างจากฐานเจดีย์เขาน้อยอายุ 1,400 ปี 34 เมตร พื้นที่ส่วนที่เป็นบ่อดินประมาณ 2-2-14 ไร่ ผู้ต้องหาในคดีนี้มี 5 ราย ได้แก่ นางณัฎฐ์ณรัน จันทร์สว่าง หรือเจ๊อ้อย นายชาญชญา จันทร์สว่าง หรือนายกแป็ก สามีนางณัฎฐ์ณรัน นายกอง จันทร์สว่าง นายกเทศมนตรีเมืองสิงหนคร พร้อมผู้รับจ้างอีก 2 ราย โดยนางณัฎฐ์ณรัน เป็นพี่สาวของนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า คดีนี้ภาคประชาชนเฝ้าติดตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฟ้องคดี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ปี แต่ก็ไม่ได้คืบหน้ามากนัก จนมีกระแสข่าวลือว่า ขาใหญ่บอกให้มีการฟ้องคดีหลังการเลือกตั้ง ส.ส.ผ่านพ้นไป ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น จนล่าสุดก็มีการเตรียมฟ้องคดีกันแล้ว ซึ่งภาคประชาชนมองว่าเป็นความล่าช้า ในขณะเดียวกันเรื่องของการฟื้นฟูแหล่งโบราณสถานที่เสียหายก็ไม่ได้รับการเหลียวแลแต่อย่างใด กรมศิลปากรเราก็ทราบกันดีว่าอาจจะมีงบประมาณน้อยมาก แต่เบื้องต้นเฉพาะหน้านั้น เป็นเรื่องที่จังหวัดสงขลา ควรจะรับผิดชอบด้วย อาจจะจัดสรรงบประมาณในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งรัดดำเนินการป้องกันการทรุดตัวของดินบริเวณฐานเจดีย์เขาน้อย ที่ถูกขุดออกไป เพื่อป้องกันการทรุดตัวเพิ่มมากขึ้นในจุดนั้นเป็นการเฉพาะหน้าก่อน แต่เท่าที่เห็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะเป็นการยืนยันให้ชาวบ้านเค้าได้เห็นว่า จังหวัดมีความตื่นตัวในการร่วมปกป้องโบราณสถานเอาไว้
