ชาวชัยภูมิ โอดภัยแล้งทำสวนเงาะ-สับปะรด ขาดทุนหนัก วอนเร่งทำฝนเทียมช่วยชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ชัยภูมิ เริ่มส่งสัญญาณว่าจะเกิดสภาพอากาศเอลนิโญ และคาดว่าจะเกิดภัยแล้งหนักในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเกษตรกรในสวนไม้ผลต่างๆ เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยนายมนตรี สมสา อายุ 45 ปี เจ้าของสวนเงาะโรงเรียน พื้นที่กว่า 10 ไร่ ต้นเงาะประมาณ 150 ต้น ปลูกมาแล้วกว่า 7 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มให้ผลผลิตให้ลูกเงาะโรงเรียนเก็บขายได้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ของปี 2565 แต่ปีนี้ เกิดฝนทิ้งช่วงและเกิดภัยแล้ง ต้นเงาะออกดอกน้อยมาก ออกใบสีเหลือง และแห้งเหี่ยวร่วงลงพื้นดินมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ทยอยยืนต้นตายต่อเนื่องจำนวนมาก
“ปีที่ผ่านมาสวนต้นเงาะ เพิ่งให้ผลผลิตปีแรก มีรายได้จากการขายเงาะโรงเรียนและสับปะรดในไร่รวมแล้วกว่า 2 แสนบาท ปีนี้มาเกิดแล้งจัด ทำให้สวนเงาะไม่ให้ผลผลิต ทั้งที่ช่วงเดียวกันของทุกปี สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจำหน่ายได้ ทำให้เกิดภาวะขาดทุนแล้วกว่าหลายหมื่นบาท
ขณะที่สวนสับปะรดพื้นที่กว่า 9,000 ไร่ ในจังหวัดชัยภูมิ ทุกปีจะให้ผลผลิตมากกว่าร้อยละ 90 เพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูป ไปที่จังหวัดชลบุรี นำทำสับปะรดกระป๋อง และจำหน่ายเป็นสับปะรดบริโภคผลสด ราคาเฉลี่ย 8 บาท/กิโลกรัม สร้างรายได้เข้าพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ปีละกว่า 576 ล้านบาท แต่จากที่เกิดปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2566 นี้มาต่อเนื่องทำให้ต้นสับปะรดขาดน้ำ ขนาดผลเล็กลง และน้ำหนักสับปะรดลดลง ผลผลิตไม่สมบูรณ์
ที่ด้าน นายสุเมฆ แสนมาตย์ อายุ 49 ปี เกษตรกรเจ้าของไร่สวนสับปะรดกว่า 20 ไร่ กล่าวว่า ไร่สับปะรดของตนประสบภัยแล้งมาตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เริ่มทำให้ต้นสับปะรดขาดแคลนน้ำ ต้นสับปะรดไม่เจริญเติบโต และเมื่อออกลูกออกมาจะมีขนาดเล็กมาก มีขนาดใหญ่กว่าผลส้มเล็กน้อยเท่านั้นขายไม่ได้ ไม่มีใครรับซื้อ ซึ่งไม่เคยประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วงจนทำให้ไม้ผล ไร่สับปะรด ยืนต้นตาย หรือไม่ให้ผลผลิตเช่นนี้มาก่อนเลย ตนเองลงทุนทำไร่สับปะรดปีนี้ไปแล้วหลายหมื่นบาทต้องขาดทุนไปเสียหายไปเปล่าทั้งหมดแล้ว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝนเทียม หรือฝนหลวง เพื่อให้เกิดฝนตกในพื้นที่ เพื่อให้พอมีน้ำมาช่วยหล่อเลี้ยงต้นผลไม้
