วันที่ 22 ธันวาคม รายงานข่าวจาก จ.สงขลา ว่ายังคงมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เกิดฝนตกติดต่อกันมา 4 วัน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มตลอดแนวเทือกเขาแก้ว ที่เชื่อมต่อ 4 อำเภอ ตั้งแต่ อ.รัตภูมิ หาดใหญ่ คลองหอยโข่งและ อ.สะเดา ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ที่รับน้ำจากเขาแก้ มีปริมาณสูงและสีขุ่นเหลืองจากน้ำป่าที่ไหลลงมาแต่สถานการณ์ยังคงปกติทุกพื้นที่ สัญลักษณ์เตือนภัยน้ำท่วมยังขึ้นธงเขียว
นายไพร พัฒโน นายก ทน.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า โดยเฉพาะลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาซึ่งมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พบว่าตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ ใน อ.สะเดา คลองหอยโข่ง หาดใหญ่ และ อ.บางกล่ำ ยังคงปกติทุกแห่ง และมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ จ.สงขลา เริ่มเปิด ฝนเบาบางลง แต่ยังคงมีการเฝ้าระวังต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ด้านว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผอ.ปภ.12 จ.สงขลา เปิดเผยว่า ในภาพรวมของสถานการณ์น้ำทั้ง 4 ลุ่มน้ำสำคัญของ จ.สงขลา ได้แก่ ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ลุ่มน้ำคลองนาทวี ลุ่มน้ำคลองภูมี และลุ่มน้ำคลองมำบัง ทุกจุดปกติ สามารถรองรับน้ำได้อีกมาก
ขณะที่ น.ส.พะเยาว์ เมืองงาม ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝังตะวันออก จ.สงขลา เปิดเผยว่า บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และ จ.สงขลา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสม ต่อไปอีก1 วัน ส่วนอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
“เหนือ จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นไป มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีลงมา มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่” น.ส.พะเยาว์กล่าว
นอกจากนี้ รายงานข่าวจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา เปิดเผยว่า ระดับน้ำในบริเวณราบลุ่มทะเลสาบสงขลา อ.ระโนด อ.กระแสสินธ์ุ อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร เพิ่มสูงขึ้นอีกจากน้ำฝนที่ตกสะสมและน้ำจากทะเลสาบหนุน ส่งผลกระทบกับสัตว์เลี้ยงและบ่อกุ้งเกษตรกร ซึ่งยังประมาณความเสียหายไม่ได้แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการ จ. สงขลา ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมาแล้ว